แม้จะเข้าใจแล้วแต่ไม่มีเหตุปัจจัยที่จะทำให้ระลึกถึงเดี๋ยวนี้


        สุ. แต่ผู้ที่ยังไม่รู้ก็จำเรื่องราวของคำจริงนั้นมาพิจารณาว่า จริงแน่นอน แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่า ยังไม่ได้ประจักษ์ความจริงนั้นเลย เพียงแต่เริ่มที่จะรู้ว่า มีจริงๆ แต่ยังไม่ถึงการที่จะประจักษ์แจ้งสภาพที่จริงนั้น เพราะว่าปัญญามีหลายระดับ ถ้าไม่อาศัยการฟัง ค่อยๆ เข้าใจก่อน ก็จะไม่มีการที่จะประจักษ์ลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรมซึ่งเป็นธรรม

        บง พอถึงตรงนี้ ดิฉันมีความคิดว่า เรียนมาก็ตั้งนานแล้ว รู้เลยว่า ปัญญาของเรายังไม่มั่นคงเลยที่จะเชื่อว่า ขณะนี้ตรงมั่งคงตรงสัจจะ คือ สภาพธรรม ๖ ทวาร คิดว่ายังไม่มั่นคงตรงนี้ที่ว่า นี่คือทางที่จะเดิน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ศึกษามามาก แต่ทราบว่าวันๆ หนึ่งก็ไม่ได้มาคิดถึงว่า อะไรปรากฏในขณะนี้เลย ดิฉันคิดว่า ปัญญายังไม่ถึงที่จะให้เข้าใจตรงนี้ค่ะ

        สุ. เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่ถึงระดับขั้นที่จะสามารถประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรม การฟังเข้าใจมีประโยชน์ ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์ เพราะเหตุว่ารู้ว่า ธรรมอยู่ที่ไหน และคืออะไร เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เพียงชื่อ จิต ๘๙ ไม่ใช่แค่นั้น นั่นจำชื่อ โดยที่ไม่รู้ลักษณะของจิตประเภทหนึ่งประเภทใดเลยทั้งสิ้น แต่อาศัยการฟังเข้าใจว่า สิ่งที่มีจริงขณะนี้เป็นสัจจะ คือ ต่างกันที่ภาษา สัจจะ คือ จริง ในภาษาบาลี ภาษาไทยก็เป็นสิ่งที่มีจริง และสิ่งที่มีจริงขณะนี้ รู้ความจริงของสิ่งนั้นหรือยัง เมื่อยังไม่รู้ จะรู้ได้อย่างไร หรือเมื่อไม่รู้ ก็ยากนัก ไม่สนใจดีกว่า ก็คือไม่รู้ดีกว่า ไปกี่ภพกี่ชาติในแสนโกฏิกัป ก็คือไม่รู้ดีกว่าอยู่นั่นแหละ แต่ผู้ที่เห็นประโยชน์ และรู้ว่า เมื่อเป็นสิ่งที่มีจริง ควรรู้หรือไม่ควรรู้ และถ้าไม่รู้ มีความเห็นผิดว่าเป็นเรา เมื่อมีความเป็นเราแล้ว กิเลสทั้งหลายจะไม่เจริญหรือ ในเมื่อมีเรา ก็มีความรักตัวเรา มีความต้องการทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเรา เพราะฉะนั้นอกุศลทั้งหลายก็เจริญขึ้น เพราะความไม่รู้

        บง ดิฉันก็กราบท่านอาจารย์ที่ท่านกรุณาก็กรุณาตอกย้ำถึงสภาพธรรมที่ปรากฏ แม้จะเข้าใจแล้ว แต่ก็อย่างที่กล่าวว่า ไม่มีเหตุปัจจัยทำให้ระลึกถึงตรงนี้ แต่ท่านที่ฟังต้องมั่นใจว่า ต้องระลึกว่าอะไรปรากฏ ก็มีอะไรต่างๆ มากมาย

        สุ. ค่ะ แล้วก็อยู่ที่ศรัทธา ในขั้นการฟังเห็นประโยชน์ไหมว่า ทำให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำให้ความเข้าใจอย่างนี้เกิดขึ้นได้เลย และศรัทธาที่จะฟังต่อไปก็มีไม่มี ถ้าไม่เห็นประโยชน์ เพราะฉะนั้นศรัทธาที่เพิ่มขึ้นๆ เจริญขึ้นมาจากไหน ก็มาจากความเข้าใจสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด คือ ความเห็นที่ถูกต้องในสภาพธรรมที่มี จนกระทั่งสามารถประจักษ์แจ้งความจริงได้ ศรัทธาก็จะเพิ่มขึ้น

        บง ประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง ก็คือการที่จะเข้าใจว่า ไม่มีเรา เนื่องจากเรียนแล้วก็ทราบว่า เป็นจิตที่เกิดดับแต่ละขณะ ทีนี้ถ้าเรายังไม่มีปัญญาพอที่จะรู้ว่า จิตขณะไหนเป็นลักษณะใด ก็ยังเป็นตัวเราอยู่นั่นเอง

        สุ. ก็รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ไม่หลอกตัวเอง คือ ปัญญาระดับไหน ก็สามารถเป็นปัจจัย เป็นสังขารขันธ์ทำให้เกิดตรึกไตร่ตรอง ค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ รู้ความต่างกันว่า นี่คือปัญญาขั้นฟัง ยังไม่ใช่ขั้นที่จะละการยึดถือสภาพธรรม เพราะรู้ชัดแทงตลอด สัจธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้

        บง เมื่อกี้ฟังแล้วก็ประทับตรงที่ท่านอาจารย์ถามซ้ำว่า คุณเข็มมีไหม คุณเข็มก็ไม่มี มีแต่สิ่งที่ปรากฏทางตา แล้วสัญญาที่จำเอาไว้ และสภาพคิดนึก มันเป็นอย่างนี้ ถ้าท่านอาจารย์ถามดิฉัน ดิฉันก็จะตอบอย่างนี้ เป็นความจำ และเป็นสภาพคิดนึก นี่ทำให้เห็นสภาพที่ไม่มีตัวตน

        สุ. อันนี้กำลังปรุงแต่งเป็นสังขารขันธ์ ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นการฟังต้องรู้ ประโยชน์คือความเข้าใจถูกว่า อะไรเป็นธรรม ไม่ใช่ตัวหนังสือ เรื่องราว แต่ตัวจริงๆ ของธรรมมี และเกิดดับสืบต่อ

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 306


    หมายเลข 12268
    24 ม.ค. 2567