จุติจิต ปฏิสนธิจิต


        สุ. ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม ก็ทำให้กุศลจิตเกิดก่อนจุติจิต ซึ่งไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่า จุติจิตจะเกิดเมื่อวิถีจิตทางตาดับไปแล้ว ภวังคจิตคั่นแล้ว หรือมโนทวารเกิดรับต่อแล้ว แต่ให้เข้าใจว่า อารมณ์ที่ต่างกันก็เป็นเพราะเหตุว่า เป็นไปตามกรรมที่จะให้ผล ซึ่งขณะนี้มีใครบ้างที่คิดถึงกรรมที่กระทำแล้ว ไม่มีใช่ไหมคะ คนที่บอกว่า คิดก็มี เลือกไม่ได้เลยว่า ใครจะคิดอะไร แม้แต่จะคิดเป็นปกติธรรมดาขณะนี้ ก็ยังเลือกไม่ได้เลยค่ะ อยู่ดีๆ กำลังฟังอย่างนี้ คิดถึงอย่างอื่นได้ไหมคะ ได้แล้ว คิดถึงกรรมที่ทำแล้วได้ไหม เมื่อวานนี้ใครไปทำกรรมอะไรไว้ ยังข้องใจ ยังคิดว่าไม่น่าจะทำอย่างนั้น หรือว่าควรจะทำอย่างนี้ก็ตามแต่ ใครจะคิดถึงอะไร เมื่อไร ค่ำคืน ดึก เช้า สาย บ่าย เย็น เลือกไม่ได้เลยว่า จะคิด หรือไม่คิดอะไร เพราะฉะนั้นขณะนั้นถ้าเกิดคิดขึ้นแล้วตาย ก็คือมีกรรมที่ได้กระทำแล้ว เมื่อระลึกถึงขณะนั้นก็เป็นกรรมอารมณ์ที่จะทำให้ปฏิสนธิจิตมีอารมณ์อย่างนั้น และถ้าเป็นกรรมนิมิตก็มี ๒ อย่าง คือ นึกถึง หรือเห็นภาพของเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่ได้กระทำกุศลกรรม หรืออกุศลกรรมนั้นก็ได้

        มีใครคิดถึงดอกไม้ที่กำลังบูชาพระบรมสารีริกธาตุขณะนี้บ้าง หรือเปล่า ขณะเห็นจิตที่เป็นกุศลอาจจะเกิดขึ้น หรือแม้เห็น แต่ผลของกรรมก็ทำให้จิตเศร้าหมองเป็นอกุศลก็ได้ นี่คือความไม่แน่นอนที่ใครไม่สามารถรู้ได้ว่า กรรมไหนจะให้ผล

        เพราะฉะนั้นจึงเป็นเหตุให้ทำกรรมดีไปเถอะ เรื่อยๆ เพราะไม่รู้จะตายเมื่อไร

        วิจิตร ในขณะที่เห็นดอกไม้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ แล้วจะเป็นอกุศลได้อย่างไร

        สุ. ชอบไหม

        วิจิตร ก็ชอบ

        สุ. ขณะนั้นที่พอใจติดข้อง เป็นกุศล หรือเป็นอกุศล

        วิจิตร ติดข้องเป็นกุศลไม่ได้ หรือ

        สุ. สภาพที่ติดข้องเป็นอะไรคะ

        วิจิตร ก็น่าจะเป็นกุศล

        สุ. น่า ไม่ได้ค่ะ ศึกษาธรรมก็ไม่น่า มิฉะนั้นจะมีผู้ที่ฟังธรรมนิดเดียว แล้วเอาไปคิดเยอะ เขียนตำราก็แยะ แต่จากความเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง มากบ้าง น้อยบ้าง ก็ไปเข้าใจเอาเองว่า น่าจะอย่างนั้น น่าจะอย่างนี้ แต่ธรรมเป็นเรื่องตรงค่ะ เราจะมีความสามารถเข้าใจธรรมได้มากน้อยแค่ไหน ก็อย่าเข้าใจผิด

        วิจิตร ผมมี ๒ คำถาม คำถามแรก ในขณะที่เกิดกัมมารมณ์ หรือกรรมนิมิต หรือนิมิตอารมณ์ ก็แล้วแต่

        สุ. แต่เข้าใจ หรือยังว่า กรรมคืออะไร กรรมอารมณ์คืออะไร กรรมนิมิตคืออะไร คือ อารมณ์ของจิตใกล้จะตาย แล้วแต่กรรมจะทำให้อารมณ์ใดปรากฏ แล้วขณะนั้นจิตเศร้าหมอง หรือผ่องใส ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม กุศลจิตเกิดก่อนจุติ เป็นเหตุให้ปฏิสนธิจิตเป็นกุศลวิบาก

        วิจิตร ในขณะที่จิตเป็นกุศล ก็ ...

        สุ. ก่อนตาย เพราะฉะนั้นเราใช้คำกว้างๆ ได้ ก่อนตาย จิตเป็นกุศล ก็จะเป็นปัจจัยให้เมื่อจุติจิตเกิดแล้วดับไป กุศลวิบากทำปฏิสนธิกิจ เกิดในภพภูมิที่ดี

        วิจิตร ทีนี้คำถามที่ ๒ ในขณะการเกิดของปฏิสนธิ ภวังคจิต สอดคล้อง หรือเป็นอันเดียวกับเมื่อชาติที่แล้ว แล้วก่อนที่จะจุติเป็นกุศล แล้วจุติของชาติที่แล้วจะมีผลอะไรไหมกับปฏิสนธิจิตในชาติปัจจุบัน

        สุ. จุติจิตของชาติก่อน มีไหม

        วิจิตร มีครับ

        สุ. มีนะคะ เมื่อจุติจิตดับไปแล้ว จิตอะไรเกิดต่อ

        วิจิตร ปฏิสนธิครับ

        สุ. ค่ะ ปฏิสนธิของชาตินี้กับจุติจิตของชาติก่อน เหมือนกัน หรือเปล่า เป็นประเภทเดียวกัน หรือเปล่า

        วิจิตร ผมก็ยังข้องใจว่า ตรงกัน หรือเปล่า

        สุ. แสดงว่าการศึกษาธรรมต้องเข้าใจจริงๆ อย่าจำชื่อว่า กัมมนิมิตอารมณ์ คตินิมิตอารมณ์ หรืออะไรที่เป็นคำยาวๆ แต่ต้องเข้าใจก่อน ชาติที่แล้วคุณวิจิตรเป็นนก จุติจิตของคุณวิจิตรสิ้นสุดความเป็นนก วิบากทำให้จุติจิตเกิดพ้นสภาพความเป็นนก ปฏิสนธิจิตของคุณวิจิตรชาตินี้ เหมือนจุติจิตของชาติก่อน หรือเปล่า

        วิจิตร ผมก็ยังไม่แน่ใจ

        สุ. เป็นนก หรือเป็นคน

        วิจิตร เป็นคน

        สุ. เพราะฉะนั้นปฏิสนธิจิตของคุณวิจิตรที่เป็นคน กับจุติจิตที่เป็นนกนั้นเหมือนกันไหม

        วิจิตร ไม่เหมือน

        สุ. ไม่เหมือน เพราะว่าจุติจิตของชาติก่อน เป็นอกุศลวิบาก เป็นผลของอกุศลกรรมที่ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดในอบายภูมิ เป็นนก เพราะฉะนั้นเป็นภวังค์ก็ต้องเป็นจิตประเภทเดียวกัน คือ เป็นนกไปเรื่อยๆ เป็นอกุศลวิบาก พอถึงจุติจิตขณะสุดท้ายเลยที่จะให้พ้นสภาพความเป็นนก เป็นขณะสุดท้าย คือ เป็นจุติจิตก็ต้องเป็นอกุศลวิบาก พอดับแล้ว พ้นแล้วไม่เป็นนก แต่เป็นคน เป็นผลของกุศล เพราะฉะนั้นปฏิสนธิจิตเป็นกุศลวิบาก

        วิจิตร ก็จะไม่เหมือนจุติจิตในชาติที่แล้ว

        สุ. จะเป็นนกต่อไปไม่ได้ เพราะว่าเป็นคนแล้วค่ะ

        วิชัย ขอเสริมนิดหนึ่งนะครับ เรื่องของกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดกรรมหนึ่งที่ทำให้ปฏิสนธิในภูมิหนึ่ง เมื่อกรรมนั้นหมดผลที่จะให้เป็นบุคคลนั้น ก็ไม่มีภวังคจิตเกิดสืบต่อไป ก็เป็นจิตดวงสุดท้าย ชื่อว่า จุติจิต ก็คือสิ้นกรรม ถึงแก่กรรมของแต่ละกรรมที่ทำให้เกิดเป็นบุคคลนี้ และมีกรรมอื่นที่ทำให้ปฏิสนธิเป็นบุคคลใหม่ ก็เป็นบุคคลใหม่ไปด้วยอำนาจของกรรมอื่นที่ให้ปฏิสนธิในภูมิอื่น ก็คือแล้วแต่กรรม กรรมให้เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าถึงแก่กรรม คือ สิ้นกรรมที่จะให้ผลที่จะให้เป็นมนุษย์ จุติจิตก็เกิดขึ้นเคลื่อนจากความเป็นมนุษย์ และกรรมอื่นก็ให้ปฏิสนธิ คือ ให้จิตเกิดขึ้นปฏิสนธิในภูมิอื่นต่อไป โดยมีกรรมใหม่ให้ปฏิสนธิในภูมิอื่น

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 295


    หมายเลข 12216
    27 ม.ค. 2567