ประจักษ์การเกิดดับ


        สุ. ขณะนี้ใครไม่ยึดถือรูป ไม่ชอบรูปบ้าง ไม่อยากได้รูปเลย วันนี้มีไหมคะ ตื่นขึ้นมาก็รูปแล้ว ไม่ว่าจะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ต้องการรูป ไปที่ห้างสรรพสินค้า ซื้ออะไร ซื้อรูป ทั้งหมดเลย

        เพราะฉะนั้นการติดข้องในรูป จะไม่มีได้ไหม อยู่ดีๆ ก็ให้ไม่ติดข้องในรูป เป็นไปได้ไหมคะ ไม่ได้เลย ต้องรู้ตามความเป็นจริงว่า ต้องเป็นปัญญาถึงระดับขั้นของพระอนาคามีบุคคล อีกขั้นเดียวจะถึงความเป็นพระอรหันต์ จึงสามารถจะละการติดข้องในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะได้ แต่ให้รู้ตามความเป็นจริงแม้ในขั้นต้นว่า รูปมีจริง เกิดแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลย อยากได้อะไร สิ่งที่เพียงปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่กลับมาอีกเลย มีเมื่อปรากฏ เพราะว่าความจริงสิ่งที่ไม่ปรากฏ เกิดแล้วดับแล้ว เพราะว่าไม่มีสภาพธรรมใดที่เกิดแล้วไม่ดับ แม้แต่สิ่งที่เราคิดว่าไม่ดับเลย พระอาทิตย์ พระจันทร์ โลก โต๊ะ เก้าอี้ คน แต่สภาพธรรมใดก็ตามที่เกิด สภาพธรรมนั้นดับอย่างเร็วด้วย เพราะว่ารูปจะมีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ เพราะว่าจิตเจตสิกเกิดดับเร็วกว่ารูป ด้วยเหตุนี้รูปที่เราคิดว่าไม่ได้ดับเลย มีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะเท่านั้น แล้วอยากได้อะไร ยังอยากได้อยู่ใช่ไหม เพราะไม่ประจักษ์การเกิดขึ้น และดับไป ปัญญายังไม่ถึงระดับที่จะละความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะได้ และเราอยากได้รูป ไม่ใช่ชาตินี้ชาติเดียว กี่ชาติมาแล้วด้วยความไม่รู้ เพราะฉะนั้นกว่าจะดับได้หมด ไม่ใช่เพียงแค่ฟัง หรือแค่คิด ก็จะดับได้

        ผู้ฟัง รูปถึงแม้จะดับ แต่ว่าการดับนั้นไม่ใช่ดับแล้วหายไปเลย ไม่ใช่อย่างนั้น

        สุ. ปัญญาประจักษ์การเกิดขึ้น และดับไป หรือความไม่รู้สามารถเห็นการเกิดดับของรูปได้

        ผู้ฟัง อย่างเช่นกล่องใส่ไมโครโฟน เห็นตั้งอยู่หลายๆ สัปดาห์แล้ว ก็ยังมีอยู่

        สุ. ค่ะ เพราะฉะนั้นเป็นอัตตานุทิฏฐิ เห็นว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะไม่รู้การเกิดขึ้น และดับไป

        ผู้ฟัง แต่ไม่ใช่ดับแบบหายไป

        สุ. เพราะอะไรไม่หายไป

        ผู้ฟัง เพราะรูปนี้เกิดจากอุตุ

        สุ. เกิดต่ออีกจนกระทั่งไม่รู้เลยว่า รูปเก่าหมดไปแล้ว ความไม่รู้แค่ไหนคะ รูปที่ดับแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลยสักรูปเดียว นามธรรม จิต เจตสิกที่เกิดแล้วดับไป ไม่ได้กลับมาอีกเลย แต่มีปัจจัยให้สภาพธรรมนั้นเกิดต่อได้ จึงปรากฏเหมือนไม่ดับ ใครเห็นว่าจิตเกิดดับบ้างไหมคะขณะนี้ ทั้งๆ ที่จิตเกิดดับ ก็ไม่เห็น เพราะฉะนั้นรูปก็เช่นเดียวกัน

        ผู้ฟัง คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเข้าใจอย่างนี้

        สุ. ก็เริ่มค่อยๆ เข้าใจขึ้น ค่อยๆ เข้าใจให้มั่นคงขึ้น ปัญญา คือ ความเห็นถูก เข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ถ้าปัญญาไม่เกิดเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ ปัญญาจะไปเข้าใจอะไรที่ไม่ปรากฏ แล้วไม่เข้าใจสิ่งที่ปรากฏ นั่นก็ไม่ใช่ปัญญา

        ผู้ฟัง สิ่งที่ปรากฏ ก็ยังไม่เข้าใจ

        สุ. เพราะฉะนั้นก็รู้ได้ว่า ยังไม่ใช่ปัญญาที่สามารถเห็นถูกต้องตามที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ คิดถึงคำว่า “ตรัสรู้” คือ รู้ความจริง สัจธรรม

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 263


    หมายเลข 12015
    23 ม.ค. 2567