หลังเห็น


        แต่อาศัยการฟังๆ แล้วฟังอีกเพื่อที่จะให้รู้ว่าขณะนี้เป็นธรรม ก็จะรู้ความหลากหลายว่าขณะที่เห็นเป็นสภาพของนามธรรมซึ่งเป็นจิตซึ่งจะต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ถ้าเป็นจิตที่ดี เจตสิกที่เกิดร่วมด้วยก็เป็นเจตสิกที่ดี แล้วที่จะกล่าวว่าเป็นจิตดีก็เพราะเจตสิกที่ดีเกิดร่วมด้วย แล้วขณะนี้รู้ลักษณะของเจตสิกหรือเปล่า ก็ยัง แต่ตามความเข้าใจก็เริ่มที่จะเข้าใจในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แล้วขณะนี้ที่เราได้ยินได้ฟังทั้งหมดเป็นชื่อต่างๆ ที่เรากล่าวถึงเช่นไม่ได้มีแต่จิตเห็นใช่ไหม เห็นแล้วหลังจากนั้นเป็นกุศลหรือเป็นอกุศลนี่คือภาษาบาลี ถ้าเป็นภาษาไทยก็คือว่าเห็นแล้ว จิตที่เกิดต่อเป็นจิตที่ดีหรือเป็นจิตที่ไม่ดี นี่ก็ใกล้ชิดการที่จะรู้ว่าขณะนั้นที่เคยเป็นเราดีหรือเราไม่ดี ก็คือเป็นสภาพของจิตที่ดีหรือจิตที่ไม่ดี ขณะที่กำลังฟังธรรมเป็นจิตที่ดี เพราะเหตุว่ามีการที่จะฟังสิ่งที่จะทำให้มีความเห็นถูก เข้าใจถูก ไม่เข้าใจผิดเพราะความไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ด้วยเหตุนี้ขณะนี้ทุกคนก็ตอบได้ หลังจากเห็นแล้วจิตดีเพราะว่ากำลังฟังเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ถ้าเป็นภาษาบาลีก็เป็นกุศลจิต แต่ว่าลักษณะของจิตเป็นจิตที่ดีหรือจิตที่ไม่ดีพอที่จะรู้ได้จากขณะนี้ที่กำลังฟัง ไม่ได้ไปสนใจติดข้องในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ในเรื่องราวอื่น แต่กำลังมีศรัทธาความผ่องใสของจิตที่จะฟังเพื่อสะสมความรู้ถูก ความเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้

        เพราะฉะนั้นการรู้สภาพของจิตที่ดีไม่ใช่ไปรู้โดยชื่อ แต่สามารถจะรู้ขณะนี้หลังเห็นแล้วกำลังมีศรัทธาความผ่องใสของจิตที่จะฟังต่อไปอีกเพื่อจะได้เข้าใจถูกต้องในสิ่งที่กำลังปรากฏ ลักษณะของจิตที่ดีก็เป็นไปในเรื่องความเห็นถูก ความเข้าใจถูกจากการได้ฟังธรรม ซึ่งสภาพของจิตที่ดีในชีวิตประจำวันก่อนจะได้ฟังธรรมก็มีขณะที่เป็นไปในทาน การให้ การช่วยเหลือบุคคลอื่นให้พ้นจากการทุกข์ยากซึ่งการให้ต่อไปก็จะทราบว่ามีหลายอย่าง ให้เพื่ออนุเคราะห์คนที่กำลังยากไร้ ให้เพื่อสงเคราะห์แม้ผู้ที่เสมอกันในขณะที่ไม่ได้ยากไร้ ให้ได้ไหม ได้ เมื่อจิตที่ดีงามเกิดขึ้น และให้เพื่อบูชาในคุณความดีของบุคคลอื่น และการให้ก็มีทั้งการให้อามิส ให้วัตถุสิ่งของต่างๆ ให้ธรรม ให้ความเข้าใจ พร้อมที่จะช่วยคนอื่นให้เข้าใจธรรมตามกำลังความสามารถ ถ้ามีเด็กเล็กๆ เราก็อาจจะกล่าวธรรมเรื่องของการเคารพผู้ใหญ่ ปู่ย่าตายาย ตามแต่ขณะนั้นมีอะไรเกิดขึ้น เราก็จะค่อยๆ บอกเป็นไปในทางกุศลโดยที่ว่าไม่จำเป็นต้องใช้คำซึ่งเด็กยังไม่รู้

        ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่านอกจากกุศลที่เคยมีมาก่อนการฟังธรรมเป็นเรื่องของทานบ้าง เป็นเรื่องของศีลบ้าง ก็ยังมีจิตที่กำลังเป็นจิตประเภทที่ดีงาม ในการที่จะได้เข้าใจถูกต้องในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ นี่ก็คือชีวิตประจำวันซึ่งเพียงเท่านี้ตอบได้แล้วใช่ไหม เห็นไม่ใช่จิตที่ดีงาม เพียงเห็น เกิดขึ้นเห็น แล้วจะรู้ว่าเห็นสั้นมาก เพราะว่าหลังจากเห็นดับไปแล้วก็มีจิตคิดนึกซึ่งจิตที่คิดนึกก็แล้วแต่ว่าอย่างหยาบๆ เราก็พอจะรู้ได้ว่าเป็นจิตที่ดีหรือว่าจิตที่ไม่ดี ก็เริ่มเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพที่มีที่กำลังปรากฏ แต่ต้องไม่ลืมฟังธรรมเพื่อเข้าใจลักษณะที่เป็นธรรมที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรมในขณะนี้

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 229


    หมายเลข 11283
    23 ม.ค. 2567