รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรม


        ผู้ถาม ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายเพิ่มเติมในขณะที่รู้ลักษณะนั้น รู้ชื่อ หรือรู้เรื่องราวของสภาพธรรมได้ยังไง เพราะว่าก็ฟังเรื่องราวมามาก

        สุ. ไม่ใช่ว่าไม่สามารถรู้ชื่อ นึกถืงชื่อได้ แต่ขณะที่นึกถึงชื่อเป็นเรานึกหรือว่าเป็นสภาพนามธรรมซึ่งต่างกับเห็นๆ เป็นนามธรรมขณะนี้ ไม่มีรูปร่างเลย แต่กำลังเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏ ในขณะที่กำลังมีสิ่งที่กำลังปรากฏ ขณะนั้นไม่มีชื่อ แต่ว่าจิตเป็นสภาพที่รู้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นจิตสามารถที่จะคิด ขณะนี้ที่เห็นเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ใครอาจจะคิดอย่างนี้ก็ได้ ขณะนั้นเป็นจิต แต่ไม่ใช่ความรู้ที่สามารถที่จะรู้ความต่างของจิตเห็นกับกุศลจิตประเภทต่างๆ เพียงฟังเข้าใจเพราะว่ายังไม่ได้แยกที่จะรู้ว่าขณะนี้มีเห็นนี้แน่นอน แต่ว่ายังไม่มีการรู้เฉพาะลักษณะของสิ่งที่ปรากฏหรือสภาพธรรมที่เห็น เพราะเหตุว่าเห็นมีตลอดเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นไม่ดับ เมื่อเห็นดับไปแล้วสภาพธรรมอื่นก็เกิดต่อ เมื่อสภาพธรรมอื่นเกิดต่อขณะนั้นไม่ใช่เห็น เพราะฉะนั้นสติสัมปชัญญะปฏิปัตติคือการถึงเฉพาะด้วยความรู้ ความเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมซึ่งต่างกันเป็นแต่ละอย่าง ปรากฏแต่ละทาง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้คิดถึงชื่อ คิดถึงชื่อแต่ไม่ได้รู้ลักษณะที่เป็นชื่อที่กำลังกล่าวถึง เพราะว่าเราใช้หลายคำใช่ไหม จิต เจตสิก ขณะนี้รู้ลักษณะหรือถึงลักษณะของสภาพธรรมอะไร หรือว่ากล่าวเป็นชื่อออกมาว่าขณะนี้ที่เป็นกำลังเห็นเป็นจิต แต่ถ้าในขณะที่เห็นจริงๆ ขณะนั้นไม่ใช่ในขณะที่กำลังกล่าวหรือนึกถึงคำว่า “เห็นเป็นจิต” เพราะเหตุว่าจะมีเฉพาะลักษณะของธรรมหนึ่งธรรมใดที่สติกำลังรู้ตรงนั้น และก็เลือกไม่ได้ บังคับให้สติเกิดก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็จะเห็นความยากของการที่ว่าฟังธรรมว่ายากแต่การที่จะรู้ลักษณะจริงๆ ของธรรมย่อมยากกว่า แต่การฟังธรรมเพื่อที่จะได้มีความเห็นถูก เข้าใจถูกในลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรม ไม่ใช่เพียงแต่ชื่อของธรรม เพราะฉะนั้นการศึกษาหรือการฟังธรรมก็มีต่างกันตามลำดับ ต้องอาศัยการฟังเข้าใจก่อนเป็นปัจจัยให้มีการรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมซึ่งใช้คำว่าสติ หมายความว่ากำลังรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ต่อจากนั้นก็แล้วแต่จะเป็นสภาพธรรมอะไรก็ได้ เพราะว่าสภาพธรรมก็เกิดดับเร็วมาก

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 229


    หมายเลข 11315
    23 ม.ค. 2567