พระธรรมวินัย ๐๕๘


    อ.จริยา ถ้ารัฐบาลได้มีความสนใจใส่ใจที่จะแก้ปัญหา ในกรณีเรื่องพระทั้งหลายกระทำผิดพระวินัย เราไม่ได้พูดเฉพาะกรณีธรรมกาย เราพูดถึงทุกๆ กรณีว่า เมื่อไหร่ที่พระกระทำผิดวินัย ก็เป็นเหตุที่จะให้พระศาสนาเสื่อมโทรม เมื่อพระศาสนาเสื่อมโทรม ซึ่งในสมัยนี้เราจะเห็นว่า ลุกลามไปถึงเรื่องเศรษฐกิจ เศรษฐกิจของประเทศชาติก็จะย่อยยับลงไปได้ แล้วในกรณีของวัดพระธรรมกายที่ใช้คำว่าวัด ก็อาจจะเป็นที่ที่ ถ้าเราดูเข้าไปในเว็บไซต์แล้วซึ่งเป็นการลงในเว็บไซต์โดยสำนักธรรมกายเองก็จะเห็นว่าน่ากลัวมาก ที่จะมีการซ่องสุมผู้คนที่จะเกิดมหันตภัยแก่ประเทศชาติ อันนี้เป็นเหตุให้สำหรับดิฉันคิดว่า เราต้องศึกษาพิจารณาด้วยความรอบคอบ และด้วยกิจที่กรุณาต่อผู้ที่กำลังหลงผิด เพื่อให้เข้าใจถึงหลักธรรมของพุทธเจ้า ของพระศาสนาเพื่อที่จะไม่หลงผิดกระทำไปตามการชักชวน

    อ. อรรณพ ผมมองเป็น ๓ ส่วน คือ ส่วนหนึ่งก็คือ ผู้คนที่เข้าไปร่วมกับธรรมกายที่เขายังไม่มีโอกาสเข้าใจ ถ้าเขาเข้าใจอะไรถูกอะไรผิด ก็จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขาที่จะช่วยรักษาพระธรรมวินัย และความสงบของชาติบ้านเมือง นี้เป็นส่วนหนึ่ง แล้วก็ไปประชาชนทั่วไป ส่วนหนึ่ง แล้วก็ผู้บริหารประเทศ ซึ่งถ้าท่านได้ทราบ ได้เข้าใจพระธรรมวินัย แล้วก็เห็นเฉกเช่นเดียวกับบรรพบุรุษที่ที่เราได้กล่าวถึง ก็จะสามารถที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง ใน ๓ ส่วน

    อ. จักรกฤษณ์ ก่อนที่เราจะไปกล่าวถึงการแก้ปัญหา เราต้องพูดถึงว่า ตอนนี้ชาติเสียหายแค่ไหน อย่างที่อาจารย์จริยาได้กล่าว พบทุกด้านเลย ซึ่งความเสียหายสำหรับชาติบ้านเมืองและพระศาสนา เป็นเรื่องใหญ่ อย่างที่เราเห็นกฎหมายตรา ๓ ดวง กฎพระสงฆ์ที่ท่านบรรยายถึงความเสียหายจากการกระทำละเมิดพระวินัยอย่างไร อันนั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่ทำให้เราได้เห็นภาพส่วนหนึ่ง แต่ปัจจุบันความเสียหายของประเทศชาติ ของพระศาสนา เราอาจจะไม่รู้ บางท่านอาจจะว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเราก็ยังใช้ชีวิตดำรงชีวิตกันอยู่ตามปกติ ทำมาหากิน มีความสุขไปตามอัตภาพ บางท่านก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเราแต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้น่าจะยกขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญที่ให้สังคมได้ตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น คืบคลานเข้ามาอย่างไร จากการที่มีการบิดเบือนคำสอนที่ถูกต้อง อันนี้เป็นเรื่องที่เสียหายมากๆ เพราะอย่างที่ได้เรียนอ. อรรณพตั้งแต่ต้นแล้วว่า เราศึกษาพระธรรมคำสอนก็เพื่อที่จะออกจากเหว ออกจากโลกมืด แต่เมื่อไรก็ตามที่พระธรรมคำสอนท่านถูกบิดเบือน เราไม่มีทางที่จะไปไหนได้เลย ก็จะอยู่ในนี้ อันนี้ปิดโอกาสสำคัญของวิชาความรู้ เสียหายที่มากที่สุด เรายังไม่ได้ตระหนักกันในตรงนี้ สำคัญมากๆ เพราะว่า ท่านกล่าวไว้ในหลายบทว่า การที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยาก ได้พบพระพุทธศาสนาก็ยาก ได้ศึกษาและเข้าใจพระธรรมยิ่งยาก คือความยากเป็นไปตามลำดับ ดังนั้นพระธรรมคำสอนถูกบิดเบือน ถูกละเมิด พระธรรมวินัยถูกย่ำยีอย่างนี้เสียหายเกิดขึ้นมากๆ

    ทีนี้ในเรื่องของการที่พระธรรมถูกบิดเบือน แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ชาวพุทธทั้งหลายหรือว่าคนในสังคม เขาก็จะถูกสอนไว้ในเรื่องของ รักโลภโกรธหลง ก็คือ ไปเน้นหนักในเรื่องของสิ่งเหล่านี้ คือไปยึด ถือไปแสวงหาสิ่งที่ตอบสนองกิเลสตัวเองก็คือความโลภทั้งหลาย ความโกรธทั้งหลาย ก็แสวงหาสิ่งเหล่านี้ด้วยความไม่รู้ คือตัวโมหะ ก็จะวนเวียนอยู่ในนี้อย่างนี้ แล้วเราจะสะท้อนให้เห็นปัญหาสังคม ซึ่งมากขึ้นๆ ทุกวันแต่ละวัน อย่างแรกทุจริตคอร์รัปชั่นบ้านเรามากขึ้นๆ ตอนนี้เขาทำการสำรวจคอร์รัปชั่น ประเทศทั่วโลก ๑๖๐ กว่าประเทศ ของเราอันดับที่ ๗๖ น่าตกใจเหมือนกันว่าชาวพุทธ เป็นเมืองพุทธ เป็นพุทธแต่ชื่อ

    อ. อรรณพ เป็นการการแบ่งบานของการสอนให้คนโลภ สอนให้คนอยากได้ สอนให้คนรวยๆ ไม่ได้เข้าใจความจริง

    อ. จักรกฤษณ์ ตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงการที่เราขาดการอบรมสั่งสอที่ถูกต้อง ขาดหิริโอตตัปปะไม่ละอายไม่เกรงกลัว จะทำอะไรก็ทำ ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนสิ่งเหล่านี้ จากการที่พระธรรมที่ถูกต้องถูกบิดเบือน แล้วก็มีการถ่ายทอด มีการเผยแพร่สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาอาชญากรรมเราก็เห็น แต่ที่เห็นชัดๆ ก็คือ เดี๋ยวนี้เราไม่มีขันติขับรถกันนิดหน่อย อย่างโซเชียลมีเดียที่มีการทะเลาะกันให้เห็น ไม่มีขันติ ไม่มีความเมตตา ไม่มีความละอายเลยว่า ต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็ยังทำอย่างนี้ สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ด้วยความโกรธ ขาดความยับยั้งชั่งใจ สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนให้เห็นว่า สังคมเราอ่อนแอจากพระธรรมที่เข้าไม่ถึงของ ... ก็จะเป็นเน้นทำบุญ เน้นลาภสักการะ เน้นอะไรไปส่วนใหญ่ อย่างที่อาจารย์อรรณพกล่าวถึง ปัญหายาเสพติดก็เยอะ เชื่อไหมครับว่า ของเรา สองล้านกว่าคน ติดยาเสพติด แล้วจะแก้ยังไง ไม่มีๆ เป็นปัญหาสังคมที่ชาวบ้านเขาก็ไม่ทราบว่าอยู่กันสบายๆ แต่สักวันหนึ่ง ใกล้ตัวเข้ามาแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นปัญหาที่เข้ามา

    อีกอันหนึ่งที่เราไม่เคยเห็นความแตกแยกในสังคม อันนี้เราไม่เคยเห็นในช่วงชีวิตผ่านมา ผมไม่เคยเห็นอะไรที่มากมายขนาดนั้น มากลึกร้าวลงไปจนขนาดนี้ เพราะอะไร ก็เพราะความไม่รู้ ความที่จะเอาเรื่องแต่ตัวเอง ไม่สนใจ ไม่มีเมตตา ไม่มีหลักการความถูกต้องต่างๆ อันนี้มันปนกันหมด จนสะท้อนให้เห็นความแตกแยกที่เกิดขึ้น เราดูตัวอย่างประเทศที่เขาไม่มีหลักการพุทธศาสนาแบบเรา เวเนซุเอลาล่มเป็นประเทศล่มสลายไปแล้ว เรียบร้อย เกิดความแตกแยกทั้งในบ้านเมือง ไม่มีใครฟังใคร ก็คือออกมาที่จะแสดงความเห็นตัวเอง ใครไม่เห็นด้วยก็คัดค้าน จนประเทศล่มสลายล่มจมไปแล้วเรียบร้อย แล้วประเทศไทยจะเป็นอย่างงั้น ถ้าไม่มีการอบรม การให้ความรู้ การสั่งสอนสิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่ไกลในอนาคต ถ้าเกิดมีเรื่องปะทุขึ้นมา จะได้เห็นชัดๆ ว่าสังคมเราเป็นยังไงบ้าง ซึ่งอันนี้อันตรายมาก แล้วตอนนั้นใครก็จะไม่ฟังใครแล้ว ไม่มีใครฟัง หรือจะเป็นประเทศตะวันออกกลางนี้ก็หมดทั้งประเทศ สงครามกลางเมืองอะไรต่างๆ ซึ่งไม่น่าจะเกิดกับเมืองพุทธ

    อ. อรรณพ ถ้าเป็นพุทธจริง เป็นพุทธแต่ชื่อ แต่สอนสิ่งที่ค้านกับพระธรรมวินัย ทำลายพระธรรมวินัย เข้าไปทำลายประเทศชาติ สมกับคำที่ท่านกล่าวในตอนต้นรัตนโกสินทร์ในกฎหมายตรา ๓ ดวงนี้ว่า แผ่นดิน และศาสนาจลาจล ใกล้จราจลแล้ว ถ้าไม่เข้าใจ ไม่ช่วยกันฟื้นฟู

    อ. จักรกฤษณ์ เพราะสมัยก่อน ท่านมองภาพรวมเห็นชัด แต่ว่าถ้าเป็นประชาชนยากหน่อย เพราะว่าเป็นเรื่องของแต่ละคน แต่อันนี้เป็นปัญหาหนึ่ง เศรษฐกิจที่อาจารย์จริยากล่าว เขามีการลงข้อมูลว่า วัดพระธรรมกายมีทรัพย์สมบัติอะไรทั้งหมด ในประเทศแล้วก็ในต่างจังหวัด รวมทั้งในต่างประเทศด้วย ๑๐๐ กว่าแห่ง ๒๐ กว่าประเทศทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ ๕.๑ ล้านล้านบาท แล้วเงินเหล่านี้ ทำอะไร นอนนิ่งอยู่กับสิ่งก่อสร้างอะไรต่างๆ ที่ไม่ได้ช่วยสังคมเลย ลองนึกว่าเงินจำนวนนี้เอามาสร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล ช่วยเหลือชาวนา เอาออกมาใช้ได้แบบ

    อ. อรรณพ ถ้าคณะผู้บริหารประเทศชาติเข้าใจพระธรรมวินัย ได้เห็นว่าจะเกิดโทษอย่างไรกับการทำลายพระธรรมวินัย แล้วก็ดำเนินการ แล้วก็จะได้ทรัพย์สินเงินทองแล้วก็มาจากประชาชน ที่จะมาทำนุบำรุงประเทศชาติ ประเทศเราก็คงจะเป็นทางแก้ไขที่ดีที่สุด

    อ. จักรกฤษณ์ เศรษฐกิจย่ำแย่มาก ตรงนี้เป็นอันหนึ่งที่เราควรที่จะ ตอนนี้มาพูดถึงวิธีแก้ ผมก็อาจจะเจาะออกไปจากที่ท่านอาจารย์จริยากล่าว วิธีแก้ในมุมมองของกฎหมาย เราก็มาดูกฎหมายใกล้ตัวเราคือ พระบัญญัติคณะสงฆ์เป็นหลัก มีหลายมาตราหลายบทที่ท่านกล่าวถึงพระธรรมวินัย ภิกษุต้องอยู่ภายใต้พระธรรมวินัย อันนี้คือหัวใจ และกฎหมายคณะสงฆ์ก็รองรับ ดังนั้นสถานะของภิกษุนี้ต้องอยู่ในพระธรรมวินัย เป็นหลัก ถ้าท่านไม่อยู่ในพระธรรมวินัยท่านจะไปเรียกร้องอะไรไม่ได้ ถือว่าท่านใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต มีที่ดินมีอะไร ตามพระธรรมวินัยไหม ถ้าเกิดมีปัญหาเรื่องที่ดิน ท่านไปฟ้องร้องอะไรต่างๆ สิทธิเป็นไปโดยสุจริตตามกฎหมายไหม เพราะตามพระธรรมวินัยไม่ใช่ ซึ่งเรื่องนี้เรายังไม่เคยยกขึ้นมาคุย สถานะของท่านมี ต้องตามพระธรรมวินัย ถ้าท่านไม่เป็นไปตามนี้ กฎหมายจะรองรับอย่างไร สำหรับออกหมายจะเป็นเรื่อง นักกฎหมายทั้งหลายควรที่จะต้องคิด ต้องตระหนัก ถ้ามีปัญหาท่านต้องดูสถานะของท่านว่าท่านอยู่ในพระธรรมวินัย ...

    อ. อรรณพ นี่คือมุมมองของกฎหมายที่เห็นในจุดตรงนี้ จะเพิ่มเติมแล้วก็ใจจะช่วย

    อ. จักรกฤษณ์ กฎหมายต้องพิจารณาให้หนัก เพราะว่าท่านไม่ใช่เหมือนคนธรรมดา ท่านเป็นพระภิกษุ ถ้าเป็นจริงท่านต้องอยู่ภายใต้พระธรรมวินัย อีกอันหนึ่ง เมื่อไม่นานนี้ก็มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกมาเกี่ยวกับเรื่องการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ก็เพื่อที่จะให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เขาจะต้องมาร่วมกันกำหนดมาตรการกลไกต่างๆ ในการส่งเสริมเผยแพร่คำสอนที่ถูกต้อง ซึ่งในคำสั่ง พูดถึงพุทธศาสนาแบบเถรวาท ถ้าเข้าใจให้ถูกต้อง พุทธศาสนาแบบเถรวาท แค่คือคำสอนถูกต้องตามพระไตรปิฎก ไม่ใช่คำสอนอื่น ไม่ใช่คำสอนนิกายอื่นด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นพุทธ แต่เรามีหลายนิกาย อันนั้นก็ไม่ใช่คำสอน พุทธศาสนาแบบเถรวาท ที่บ้านเรายึดถือมาตลอด ดังนั้นตรงนี้ หน่วยงานของราชการที่อยู่ในคำสั่ง เขาจะต้องออกมาทำความเข้าใจกับประชาชนว่า พุทธศาสนาแบบเถรวาทท่านสอนอะไร แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองบ้าง ต้องอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ ต้องให้ประชาชนได้เข้าใจ ไม่ใช่อยู่เฉยๆ แล้วก็ดูดีเอสไอ ดูตำรวจ มันหน้าที่ของท่าน ตรงนี้ ถ้าเป็นสมัยรัชกาลที่ ๑ ท่านก็ดูพวกนี้เพิกเฉยก็เหมือนสนับสนุน ก็จัดการหมดเลย อันนี้ก็มีคำสั่งรองรับ หน่วยงานของท่านท่านก็ต้องช่วย อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา แสดงความเห็น ให้ความเข้าใจกับประชาชนที่มีปัญหาว่า ถูกรังแก พระพุทธศาสนาถูกรังแกอย่างไร จริงไหม ต้องมีหน้าที่ออกมาให้ความเห็น ต้องมีบทบาท ไม่ใช่อยู่เฉยๆ ไม่ถูกต้อง และหน่วยงานของรัฐต้องทำหน้าที่

    อีกอันนึงคือต้องไปแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งได้มีการดำเนินการอยู่ในเรื่องข้อมูลทางแพ่ง อาจารย์จริยาก็ช่วยดูเรื่องนี้ เพราะว่า ท่านได้กล่าวถึงพระภิกษุด้วยว่า ทรัพย์สินเงินทองท่านไม่ควรที่จะได้ ดังนั้นจะไปรับมรดก ก็ไม่ได้ และการที่มีทรัพย์สินมาก็ไม่น่าจะตกกับท่าน ท่านต้องสละออก คืนให้กับรัฐไป ตรงนี้กฎหมายสำคัญที่จะช่วย ช่วยตนเหตุต้นตอคือเรื่องปัญหาของทรัพย์สิน

    อีกอันนึงก็คือสมควรไหมจะปัดฝุ่น กฎหมายตรา ๓ ดวง

    อ. อรรณพ ให้เป็นปฐมบทก็ว่าได้

    อ. จักรกฤษณ์ เป็นกฎหมายสำคัญ สมควรที่จะปัดฝุ่นใหม่ เพื่อที่จะให้ระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง เพราะว่าสถานการณ์แย่ ย่ำแย่กว่าสมัยนู้นเยอะ ดังนั้นสมควรไหมที่ทางรัฐจะต้องปัดฝุ่น ดูสิ่งใดที่จะช่วยกันจัดการ อันนั้นเป็นหลักๆ ในด้านของกฎหมายที่จะช่วยได้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่ต้องเข้มแข็ง เข้มแข็งแล้วก็ร่วมมือกันทำ ถึงจะสำเร็จ

    อ. อรรณพ ก็ชัดเจนมากที่อาจารย์ได้ยกจุดทั้งประเด็นกฎหมาย แล้วก็อย่างอื่นด้วย ที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดมหันต์อย่างนี้ที่จะเพิกเฉยต่อไปไม่ได้แล้ว

    ท้ายที่สุด ท่านวิทยากรทั้ง ๓ ท่านนี้จะมีประโยคสั้นๆ อะไรฝากถึงท่านผู้ชม ที่จะช่วยกันเชิญชวนให้เกิดความตระหนัก หรือว่าตื่นจากความที่เรายังไม่รู้ ไม่เข้าใจ ได้รู้ ได้เข้าใจขึ้น ที่จะช่วยกันธำรงรักษาพระศาสนาต่อไป เชิญอาจารย์วิชัยก่อน

    อ. วิชัย เราจะเห็นว่า การสนทนาในช่วงต้น พระเถระตั้งแต่พระมหากัสสปะเถระ ท่านไม่เพิกเฉยเลย แม้จะมีภิกษุแก่รูปหนึ่งที่กล่าวจ้วงจาบพระศาสดาแม้จะปรินิพพานไปแล้ว เพียงแค่ ๗ วันเท่านั้น ท่านก็ไม่เพิกเฉยที่จะทอดธุระ แต่ท่านรู้ว่าควรที่จะมีการสังคายนาคือรวบรวมธรรมวินัย เป็นพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม เพราะว่าก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ก็ตรัสว่า ธรรมวินัยใดอันเราแสดงแล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้นจะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย โดยกาลล่วงไปแห่งเรา

    การรักษาพระธรรมวินัย ไม่ใช่รักษาตัวบุคคล ไม่ใช่รักษาวัดเฉพาะที่ ใครจะมาอวดอ้างว่าเป็นสถาบันพุทธศาสนาอย่างไร ไม่ได้เลยทั้งสิ้น ต้องมีธรรมวินัยเป็นศาสดา เพราะว่าเราเคารพสูงสุดที่กล่าวว่าเป็นชาวพุทธ เคารพสูงสุดคือใคร ก็ต้องเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว และพระอริยะสงฆ์ที่ประพฤติตามพระองค์ จะเห็นว่า ถ้าเราจะมาช่วยกันรักษาธรรมวินัยหรือพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ ต้องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจถูกต้องว่า คนนั้นที่อวดอ้างว่าเป็นพุทธ จริงหรือเปล่า เป็นพุทธศาสนาจริงหรือเปล่า คำสอนถูกต้องไหม ตรงหรือเปล่า ถ้าคำสอนไม่ถูกต้อง แล้วอวดอ้างว่าเป็นคำสอน และเป็นชาวพุทธ ก็เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคนที่ได้ยินได้ฟังอย่างงั้น เข้าใจผิด หลงผิด คิดว่านั่นคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นการที่จะมาช่วยกันก็คือ การที่ร่วมกันศึกษา ให้เกิดความรู้ความเข้าใจถูกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงไว้ว่าอย่างไร ความประพฤติเช่นไรไม่ตรงกับ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่นการขวนขวายที่จะได้ทรัพย์สินเงินทองมากมาย ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะแม้แต่พระองค์ก็ละความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เพื่อถึงความเป็นพระสัมมาทรงเจ้า สละสมบัติทั้งหมด แม้พระสาวกทั้งหมดท่านก็ประพฤติตามๆ กันมาอย่างนั้น อันนี้ก็เพียงแค่พิจารณาคร่าวๆ เผินๆ ก็รู้ได้ว่า บุคคลใดที่ประพฤติตามคำสอนหรือไม่ ประพฤติตามคำสอนนั้น ทั้งหมดนี้เป็นการที่จะกล่าวเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ แล้วก็ช่วยกันดำรงรักษาพระพุทธศาสนาไว้ เราไม่ได้มุ่งหวังที่จะไปทำร้ายใคร ไปให้เกิดใครเสียหาย แต่ถ้าใครกระทำไม่ถูกต้อง ก็ต้องชี้แจงว่า สิ่งนั้นไม่ถูกต้อง เพื่อที่จะกระทำให้ถูกต้อง และคนที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจ กHให้เกิดความรู้ความเข้าใจว่าสิ่งใดถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง

    อ. อรรณพ เป็นสิ่งที่อาจารย์วิชัยได้ฝากถึงผู้ชม อาจารย์จักรกฤษณ์จะมีอะไรเพิ่มเติม ฝากถึงท่านผู้ชม ในฐานะที่เป็นกัลยาณมิตรชาวพุทธด้วยกัน

    อ. จักรกฤษณ์ ก็ถามกลับว่า ตอนนี้ถ้าบ้านเราไฟไหม้ เราจะทำอะไร หลับต่อไป ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ใช่หน้าที่ ให้คนที่มีหน้าที่เข้าไปดูแล ตอนนี้เรือกำลังรั่ว ทำยังไง หรือปล่อยให้กัปตันให้กะลาสีเข้าไป

    อ. อรรณพ ในระหว่างที่กัปตันกะลาสีเขากำลังจะอุดเรือ แล้วก็ควรจะช่วยกันวิดน้ำออกจากเรือ ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ

    อ. จักรกฤษณ์ ทุกฝ่ายมีหน้าที่มีบทบาท ทุกคนถ้าเป็นชาวพุทธ ทุกคนมีหน้าที่ ท่านลองดูว่าท่านจะช่วยพระศาสนาอย่างไร ทุกคนมีหน้าที่ทั้งหมด เพียงแต่ว่าท่านช่วยพิจารณานิดนึงว่า บทบาทหน้าที่นั้น ท่านทำอะไรได้บ้าง อันนี้ก็ฝากถึงชาวพุทธทุกคนว่า ไฟไหม้อยู่ เรือกำลังรั่วอยู่ หรือท่านจะจมไปกับเรือ หรือว่าไม่มีที่อยู่ต่อไปแล้ว ให้ช่วยพิจารณาด้วย อาจารย์จริยาท่านสุดท้าย

    อ. จริยา ก็จากที่ท่านอาจารย์วิชัยท่านพูดมาก็ครบถ้วน สั้นๆ ของดิฉันก็คือ ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจ แล้วก็มีความจริงใจที่จะรักษาพระศาสนา เหมือนกับเพลงที่ท่านอาจารย์อรรณพแต่งให้กับมูลนิธิก็คือ ตื่นเถิดชาวพุทธ หยุดการทำลายวินัยสงฆ์ แค่นี้ประโยคนี้สั้นๆ แค่นี้ ถ้าเข้าใจถึงว่า ทุกคนตระหนักถึงภัยที่จะเกิดขึ้น อย่างที่บอกว่า เมื่อมีไฟไหม้อยู่บนศรีษะ เราจะทำอะไร เราก็ต้องรีบดับไฟนั้น เพราะฉะนั้นจะดับอย่างไร ก็คือต้องมีความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่เรามีความรู้ความเข้าใจ เราก็จะได้รู้ถึงการบิดเบือนพระศาสนาที่ใครๆ ก็ตามนำมาเผยแพร่ เพราะฉะนั้นดิฉันคิดว่า เราทุกคนเมื่อไหร่ที่เราเรียกตัวเองว่าพุทธศาสนิกชน ก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย และปฏิบัติตามพระธรรมวินัยจุดนึงไว้ก็คือเพื่อรักษาพุทธศาสนาให้ดำรงยั่งยืนต่อไป ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใดๆ เราควรที่จะตั้งใจเช่นนั้น อันนี้คิดว่าไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ยาก ถ้ามีความตั้งใจดีกับพระพุทธศาสนา

    อ. อรรณพ ก็ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านวิทยากรทั้ง ๓ ท่านที่ได้กรุณามาร่วมพูดคุย และให้ความรู้ให้แนวคิดที่เป็นประโยชน์ในการดำรงรักษาพระศาสนา และ บ้านเมืองสังคมของเรา ให้ยั่งยืนสืบไป และก่อนที่จะจบการสนทนาพิเศษในช่วงนี้ ผมก็จะขอฝากบทกลอนสั้นๆ อย่างที่อาจารย์จริยาท่านได้เกริ่นไปแล้วดังนี้

    ตื่นเถอะเราชาวพุทธหยุดหลับไหล เรียนธรรมวินัยให้กระจ่าง ช่วยกันฟื้นคืนพระธรรมเครื่องนำทาง ตามแบบอย่างเมื่อครั้งพระพุทธองค์ ตื่นเถิดตื่นเถิดเราชาวพุทธ หยุดการทำลายวินัยสงฆ์ ศึกษาธรรมให้มั่นคง ร่วมกันจรรโลงพระสัทธรรม

    การสนทนาพิเศษในหัวข้อ พระธรรมวินัยกับกฎหมาย ในครั้งนี้ ก็ต้องขอสิ้นสุดยุติลงด้วยเวลาเพียงเท่านี้ พบกันใหม่ในโอกาสต่อไป


    หมายเลข 10791
    6 มิ.ย. 2568