ชีวิตปกติ


        ชีวิตของผู้ที่ยังมีกิเลส ถ้ามีความเดือดร้อนกับกิเลส และความเห็นผิดที่อยากจะดับกิเลสด้วยความเป็นตัวตน ก็จะเป็นชีวิตที่ผิดปกติ แต่แม้ว่ายังมีกิเลส ถ้ามีความเห็นถูกตามธรรมะ ก็จะมีชีวิตที่เป็นปกติ และค่อยๆ สะสมอบรมปัญญา ละคลายขัดเกลากิเลสอกุศลไปทีละน้อย


        อ.อรรณพ ขอให้ช่วยอธิบาย ชีวิตปกติที่มีกิเลสแล้วอบรมเจริญปัญญา กับชีวิตที่ผิดปกติที่อยากไม่มีกิเลสโดยไม่มีปัญญา

        ท่านอาจารย์ ชีวิตปกติที่มีกิเลสจริงไหม ไม่ใช่ฟังเผินๆ แล้วผ่านไป จะไม่ได้สาระ แต่ต้องยอมรับว่า เพราะไม่รู้ เวลานี้เห็นก็ไม่รู้ ได้ยินก็ไม่รู้ เป็นชีวิตที่มีกิเลสที่ไม่รู้

        เพราะฉะนั้น ต้องไตร่ตรองแต่ละคำ แต่ละประโยคจนเข้าใจขึ้น แม้แต่คำถามว่า เดี๋ยวนี้ใช่ไหม ต้องตรง เดี๋ยวนี้มีกิเลสเพราะไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ

        เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ชีวิตปกติหรือเปล่า ปกติมีกิเลส เปลี่ยนให้เป็นปกติไม่มีกิเลสได้ไหม ไม่ได้ นี่คือเป็นผู้ตรง

        อ.อรรณพ ถ้าเปลี่ยนเมื่อไรก็ไม่ปกติ

        ท่านอาจารย์ ถูกต้อง ก็ปกติมีกิเลสแล้วจะเปลี่ยนให้ไม่มีกิเลสได้อย่างไร ผิดทันที ไม่ได้ฟังพระธรรมด้วยความเข้าใจเลย คำสอนเป็นที่พึ่ง ที่กล่าวว่า มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง มีพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง คือมีคำสอนที่ทำให้เกิดความเห็นถูก เข้าใจถูกจนสามารถรู้จริงๆ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยในสิ่งที่กำลังปรากฏ

        อ.อรรณพ อบรมปัญญาด้วยชีวิตปกติที่ยังมีกิเลส

        ท่านอาจารย์ กำลังฟังอะไรคะ กำลังฟังเรื่องที่มีจริงๆ จะใช้คำว่า ฟังธรรมะก็ได้ เป็นปกติไหม ก็เป็นปกติ

        อ.อรรณพ แม้ดูเหมือนสนใจพระพุทธศาสนา และเดือดร้อนในกิเลส

        ท่านอาจารย์ เดือดร้อนในกิเลสมีจริงๆ ไหมคะ

        อ.อรรณพ มีจริง

        ท่านอาจารย์ ถูกหรือผิด ถึงมีจริงก็ไม่รู้ว่า ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น เห็นชัดเลยระหว่างรู้กับไม่รู้ มีกิเลสแล้วเดือดร้อน จะรีบไปทำให้หมดกิเลส นั่นผิดเลย เพราะเหตุว่ารีบได้อย่างไร กิเลสตั้งแสนโกฏิกัปที่สะสมมาด้วยความไม่รู้ แล้วจะไปทำอะไร ใครทำก็ผิดแล้ว ไม่มีเราเลย ยังไม่เข้าใจคำว่า “ภาวนา” คืออบรมให้สิ่งที่ยังไม่มีมีขึ้น ให้สิ่งที่มีแล้วเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ภาวนาให้ไม่รู้เลย หรือให้ไม่รู้ยิ่งขึ้น แต่ภาวนาเพื่อให้เห็นถูกทีละเล็กทีละน้อย ถ้าไม่ฟังเลย จะเห็นถูกได้ไหม ไม่มีทางเป็นไปได้เลย

        อ.อรรณพ ที่มาฟังธรรมเพราะมีกิเลสมาก แต่ไม่ได้หมายความว่ามาฟังธรรม แล้วมีตัวตนไปดับกิเลสได้ตามที่ต้องการ

        ท่านอาจารย์ ก็ผิดอีก เพราะไม่เข้าใจว่า ธรรมะคือไม่ใช่เรา ทุกอย่างเป็นอนัตตา อกุศลก็มีปัจจัยเกิดขึ้น กุศลก็มีปัจจัยเกิดขึ้น จนกว่าจะเข้าใจมั่นคง ค่อยๆ เริ่มเข้าใจ กว่าจะละคลายความเป็นเรา จนหมดความเป็นเราตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตามต้องการ หรือคิดหวัง หรือเข้าใจผิดคิดว่า ไม่มีเราอีกต่อไปแล้ว โดยไม่รู้อะไรในขณะนี้

        อ.อรรณพ มีชีวิตปกติตามฐานะของแต่ละคน ตอนนี้เป็นปุถุชนที่มีกิเลสมากก็เป็นปกติ

        ท่านอาจารย์ ตามการสะสมด้วย กิเลสก็ต่างๆ กันไป หลากหลายแต่ละหนึ่ง นั่นคือปกติของธรรมะที่สะสมมาที่จะต้องเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างเป็นปกติ

        อ.อรรณพ แต่เข้าใจยาก

        ท่านอาจารย์ เดี๋ยวนี้มีธรรมะ ฟังแล้วเข้าใจ อยากทำอะไร

        อ.อรรณพ อยากมีธรรมะดีๆ เกิดเลย ให้กิเลสน้อยลงไป

        ท่านอาจารย์ เป็นไปได้ไหม

        อ.อรรณพ ไม่ได้ แต่ตอนโลภะเกิด มีโมหะด้วย

        ท่านอาจารย์ แล้วพระธรรมมีประโยชน์อย่างไร มีประโยชน์ให้รู้ความจริงว่า บังคับไม่ให้อยากไม่ได้ แต่รู้ตามความเป็นจริงว่า อยากไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น เห็นโทษแล้ว เพราะอยากจึงผิด ไม่เป็นปกติเลย เมื่อไรที่ค่อยๆ เข้าใจว่า ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมะ นั่นถูกต้องที่สุด


    หมายเลข 10341
    30 ธ.ค. 2566