เหตุให้สำนึก


        ทุกอย่างเป็นธรรมะ ศึกษาธรรมะต้องไม่ลืม และเป็นเป็นอนัตตาด้วย ที่คุณอรรณพถามว่าอะไรเป็นเหตุที่ทำให้สำนึก เป็นปัจจัย หิริ โอตตัปปะ เป็นอริยทรัพย์ เพราะเหตุว่าที่มีความไม่ดีต่างๆ หรืออกุศลต่างๆ เกิดขึ้น แม้เพียงใจ ก็เพราะขาดความละอาย และความเกรงกลัว เห็นโทษของอกุศล

        เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่อกุศลกำลังเกิด ขณะนั้นจะไม่เห็นโทษของอกุศลเลย และก็ไม่ละอายในอกุศลนั้นๆ ด้วย

        ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นอริยทรัพย์ หรือไม่ว่าจะเป็นพระสัทธรรมก็ต้องมีหิริโอตตัปปะ เพราะเหตุว่าละอายที่จะไม่รู้ จึงฟังธรรมะ ใช่ไหมคะ และโอตตัปปะ เห็นภัยด้วย ถ้ายังคงมีการเกิดมาเห็น ได้ยิน ชาติแล้วชาติเล่า มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นไม่ซ้ำกันเลยแต่ละชาติ และชาตินี้ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ต่างๆ สำคัญเหลือเกิน แล้วก็ผ่านไป แล้วก็ไม่กลับมาอีก แล้วก็ไม่เป็นคนนี้อีก เรื่องที่เคยสำคัญสำหรับคนก่อนในชาตินั้น พอเป็นคนใหม่ก็คนละเรื่องเลย

        ได้ไปประเทสพม่า ได้สนทนากับชาวพม่าที่ทำงานอยู่ยูเนสโก เป็นเพื่อนของสหายธรรมะที่นี่ เขาก็สนใจธรรมะมานาน เขาก็พูดเลยว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ใครจะรู้ว่า สมัยโน้นใครเป็นพม่า ใครเป็นไทย และจะมายุ่งเกี่ยวทำไมว่า สมัยนั้นในอดีตเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ลืมหมดเลย เพราะเหตุว่าแม้แต่เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พอถึงเวลานี้ก็ไม่รู้แล้วว่า ใครเป็นพม่า ใครเป็นไทย เพราะฉะนั้น ทั้งหมดก็เป็นธรรมะจริงๆ

        ด้วยเหตุนี้นอกจากศรัทธาที่มีความผ่องใสแล้ว ยังมีความละอาย และเห็นโทษของการไม่รู้ความจริง คนที่ฟังธรรมะทั้งหมด จะต่างกับคนที่ไม่ฟัง คนที่ไม่ฟัง ไม่มีศรัทธา แล้วก็ไม่มีหิริ ไม่มีโอตตัปปะด้วย มีชีวิตก็ไม่รู้ว่า วันไหนจะทำกรรมใดที่เป็นปัจจัยให้เกิดในนรก หรือเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่เห็นโทษของอกุศลนั้นๆ

        เพราะฉะนั้น คนที่สามารถสำนึก แสดงกิริยาอาการ ถ้าเป็นพระภิกษุก็ต้องอยู่ปริวาส คุณคำปั่นก็พูด ๒ คำ คือ คำว่า “วัตร” กับคำว่า “ศีล” ศีลสำหรับพระภิกษุเป็นข้อประพฤติปฏิบัติที่ควรแก่การขัดเกลากิเลส ผู้นั้นต้องมีปัญญา

        พระพุทธศาสนาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม เป็นเรื่องของปัญญาทั้งสิ้น คนที่ไม่มีปัญญา จะเห็นโทษของอกุศลทางกาย ทางวาจาไหม เห็นโทษอย่างละเอียดขึ้นๆ ก็ด้วยปัญญา

        เพราะฉะนั้น เมื่อมีปัญญาแล้ว ก็สามารถจะอบรมเจริญความเห็นถูก ความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น พร้อมด้วยหิริ โอตตัปปะ คือการเป็นผู้ละอายที่จะไม่ฟังธรรมะ หรือไม่เข้าใจธรรมะ ทุกคนต้องมีญาติ มีเพื่อน ที่ไม่ฟังธรรมะแน่นอน ที่ฟังธรรมะนั้นน้อย เพราะเหตุว่าท่านเหล่านั้นไม่มีศรัทธา จิตไม่ได้ผ่องใสที่จะรู้ว่า มีสิ่งที่สามารถจะเข้าใจได้เพียงแค่ฟัง ค่อยๆ ฟัง ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น เมื่อไม่มีศรัทธาก็ไม่ฟัง ขณะนั้นก็ไม่มีหิริ ไม่มีโอตตัปปะ ไม่มีความละอาย ไม่เกรงภัยของอกุศลด้วย

        ด้วยเหตุนี้อริยทรัพย์ที่ทำให้ได้สมบัติ คือ ปัญญาที่สามารถรู้ความจริงของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ จึงต้องมีศรัทธา มีหิริ มีโอตตัปปะ


    หมายเลข 10060
    30 ธ.ค. 2566