ผู้เพิ่งจากไป ... .นาวาอากาศโทจรัญ ปานุราช ... .

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  11 ต.ค. 2559
หมายเลข  28276
อ่าน  2,540

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อันเนื่องมาจากการจากไปของนาวาอากาศโทจรัญ ปานุราช (พี่โจ) เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ขอบันทึกภาพและข้อความที่เกี่ยวเนื่องกับพี่โจไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึง ณ กาลครั้งหนึ่ง ของผู้มีนามในชาตินี้ว่า นาวาอากาศโทจรัญ ปานุราช ด้วยความอาลัยและความระลึกถึงอยู่เสมอครับ

" ... ผู้ที่สะสมความเข้าใจถูกในธรรมะ และมีความมั่นคง แม้จะป่วยหนัก ก็ยังสามารถแสดงความซาบซึ้ง และความเข้าใจอย่างถูกต้อง ดังนั้น จึงควรเห็นประโยชน์ที่เกิดมาแล้ว จะได้มีพระธรรมเป็นที่พึ่งให้ศึกษา และสะสมทรัพย์คือปัญญา ซึ่งสามารถละกิเลสอกุศลได้จริงๆ ... "

ท่านอาจารย์ ขอเชิญคุณอรรณพเล่าเรื่องจริงของท่านผู้ฟังท่านหนึ่งที่ฟังธรรมะมานาน ขณะนี้เป็นโรคที่เพิ่งเป็นที่รู้จัก เพราะเป็นกันไม่มาก คือ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ขอให้เล่าเรื่องที่สนทนากับท่านผู้นั้นด้วย

อ.อรรณพ เรียกเรื่องนี้ว่า "ธรรมะจากผู้ป่วย" ก็ได้ เพราะท่านได้ประโยชน์จากการสะสมความเข้าใจถูก ความเห็นถูกในพระธรรม แม้ยามป่วยที่ร่างกายอ่อนล้ามากแล้ว แต่ผลของการสะสมความเข้าใจมา ก็แสดงออกได้ คณะของท่านอาจารย์ได้ไปเยี่ยม ท่านผู้นั้นยินดีปลาบปลื้มมาก เพราะท่านเคารพในพระธรรมและท่านอาจารย์ ท่านคุ้นเคยในการฟังพระธรรม ทั้งๆ ที่ไม่สามารถพูดหรือเขียน เพราะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงทำให้กำลังถดถอยไปเรื่อยๆ ตั้งแต่พูดไม่ชัด เดินไม่เป็นปกติ จนกระทั่งพูดเขียนไม่ได้ หายใจก็ไม่สะดวกต้องเจาะคอ กลืนอาหารไม่ได้ ต้องให้ทางถุงอาหาร เมื่อท่านอาจารย์ถามว่า มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเมื่อไร ลองเดาดูว่า ท่านจะตอบว่าอย่างไร

ท่านอาจารย์ ผู้ไม่ป่วยลองตอบ แต่ผู้ป่วยถึงระดับนั้น แม้แต่จะสนทนาก็ต้องใช้นิ้วชี้ไปที่ตัวอักษรแต่ละตัว แต่ธรรมะที่ได้ยินได้ฟังแล้ว ไม่ได้หายไปไหนเลย สะสมสืบต่ออยู่ในจิตแม้ในขณะนั้น เวลาที่สนทนากันและเล่าเรื่องธรรมะ ท่านสนใจมาก สังเกตุจากตา ขณะนั้นท่านฟังแล้วคิดไตร่ตรองด้วย คำตอบที่ได้ฟังแล้ว หลายคนคงคาดไม่ถึงว่า คำตอบคืออะไร คนที่ไม่ได้ไปด้วยไม่ได้ยิน แต่ความจริงไม่ได้พูด ท่านใช้นิ้ว (ชี้ตัวอักษร)

อ.อรรณพ ภรรยาที่ดูแลก็ฟังและเข้าใจธรรมะ และมีศรัทธามาก ท่านดูแลสามีอย่างดีจริงๆ แต่ก่อนสื่อสารด้วยการเขียน แต่ตอนนี้เขียนไม่ได้ ภรรยาหากระดาษที่มีตัวอักษรเป็นพยัญชนะและสระใหญ่ๆ ให้ชี้ ท่านก็ชี้ไปที่ ท สระอุ ก คิดว่าท่านคงทุกข์ แต่ทำไมไม่มี ข์ คิดเองว่าท่านคงไม่สะดวกที่จะเขียนเช่นนั้น แต่เมื่อรวมความแล้ว ท่านตอบว่า "ทุกเวลาที่ระลึกได้" ทุกคนก็ปีติโสมนัสกัน ซาบซึ้งที่ว่า สะสมความเข้าใจมา แม้จะป่วยก็สามารถสื่อสารด้วยความเข้าใจว่า "มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ทุกเวลาที่ระลึกได้" นั่นคือมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจริงๆ เป็น "ปัญญา"

ท่านอาจารย์ คิดดูว่า ไม่ต้องใช้เวลาในการตอบเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจและเข้าใจ เมื่อถามว่า มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเมื่อไร "ทุกเวลาที่ระลึกได้" ท่านตอบได้ทันที ท่านผู้นี้ คือ นาวาอากาศตรีจรัญ ปานุราช (ยศในขณะนั้น) สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ภรรยาคือคุณสายฝน ทั้ง ๒ ท่านเห็นประโยชน์ของการเกิดมาแล้วมีโอกาสได้สิ่งที่มีค่ามากที่สุด ยิ่งกว่าทรัพย์ใดๆ เป็นขุมทรัพย์อันประเสริฐ เพราะใครก็ลักไปไม่ได้ และทรัพย์นี้ก็สามารถติดตามไป แม้ในโลกนี้ก็ติดตามไปถึงขณะที่กำลังป่วยไข้ได้ จริงๆ แล้วก็คือ ไม่มีอะไรประเสริฐเท่าปัญญา ต้องไม่ลืมว่า ปัญญารู้แล้วละ อย่างอื่นละกิเลสไม่ได้ นอกจากปัญญา!!! ขณะใดที่สงสัย ขณะใดที่อยาก ขณะนั้นไม่ใช่ปัญญา แต่ (ถ้า) เป็นปัญญาขณะใด ขณะนั้นละความไม่รู้ ละความติดข้อง จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมโดยไม่มีความเข้าใจถูกไม่ได้เลย ขณะใดที่ไม่ลืมว่า ปัญญารู้แล้วละ ปัญญาเท่านั้นที่ละ ขณะใดที่ไม่ละ ขณะนั้นไม่ใช่ปัญญา!!!

พระธรรมก็เตือนเราว่า เป็นธรรมเวไนย เพราะยุคนี้ สมัยนี้ พุทธเวไนยก็ไม่มี เพราะพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว สาวกเวไนย ผู้ได้ความเข้าใจจากสาวกเหมือนในครั้งอดีตก็ไม่มี แต่จะมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ใครก็ตามที่ไตร่ตรองพระธรรมด้วยความละเอียด แม้ไม่ได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้พบสาวกอย่างในครั้งอดีต แต่ธรรมะนั้นสามารถทำให้ "เข้าใจ" และละคลายกิเลสได้!!!

ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ โรงแรมริเวอร์แคว วิลเลจ กาญจนบุรี

น.ท. จรัญ ปานุราช ร้องเพลง "แว่วเสียงแห่งธรรม" เมื่อครั้งไปสนทนาธรรมที่ ริเวอร์แคววิลเลจ กาญจนบุรี

... แว่วเสียงแห่งธรรมที่ท่านกล่าวมา ... เป็นอารมณ์ ... เกิดความรื่นรมย์สะสมอยู่ในใจตน ...

ท่านอาจารย์ ธรรมะแนวใหม่ เหมือนกับว่า ถ้าไม่ใช่ที่นี่ แต่อาจจะเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะเพลงนี้บอกว่า แว่วเสียงธรรมะ ... แสดงว่าอยู่กันที่ไหน? แล้วในที่สุดก็จากเสียงเพลง ซึ่งทุกคนก่อนหน้านั้นก็อาจจะเพลิดเพลินทำอะไรกันก็ได้ เหมือนเมื่อกี้นี้เลย แต่ตอนนี้ทุกคนมาสู่ที่นี่แล้ว แต่ก่อนนั้นแต่ละคนอยู่ที่ไหน? และถ้าไม่ใช่ตรงนี้ล่ะ เป็นตรงอื่น อาจจะเป็นสวรรค์ชั้นไหนก็ได้ เพราะในอบายภูมิไม่มีโอกาสได้ยินแน่

เพราะฉะนั้น จากเสียงเพลง เตือนให้เข้าใจธรรมะ!! เพราะฉะนั้น วันนี้ใครจะรู้ความเป็นอนัตตา ก่อนมาที่นี่ดิฉันก็ไม่ทราบว่า คุณโจจะร้องเพลงนี้ แล้วคุณอรรณพก็ปรารภ เป็นอนัตตาจริงๆ คือแต่ละคนก็ไม่รู้ว่า จากวันก่อนๆ ที่เราเคยได้ฟังธรรมะ ก็จะมีธรรมะแนวชมรมบ้านธัมมะ ซึ่งได้แต่งเพลงนี้ ซึ่งไพเราะมาก เพราะเหตุว่า "แว่วเสียงธรรมะ" อยู่ที่ไหนกัน? ตอนนี้ง่ายต่อการได้ยินเสียงธรรมะ แต่ต่อไปไม่แน่ว่าจะมีการแว่วเสียงธรรมะหรือเปล่า?

เพราะฉะนั้น ทุกอย่างก็เป็นสิ่งที่เตือนให้รู้ความจริง และได้รับประโยชน์จากทุกอย่างที่ได้ฟัง แม้แต่การฟังแต่ละคำ เสียงแต่ละเสียงแม้ขณะนี้ก็เป็นอนัตตา ถ้าไม่มีปัจจัยเกิดไม่ได้เลย แต่เราก็ลืม แล้วก็ฟังเพื่อให้เข้าใจความเป็นปัจจัยของสิ่งที่เกิดแล้ว ต้องไม่ลืมว่า เกิดแล้ว เพราะมิฉะนั้นเราก็จะไปหาสิ่งที่ยังไม่เกิด แม้แต่คิดจะหาสิ่งที่ยังไม่เกิด ขณะนั้นก็เกิดแล้ว คือความคิดที่หาสิ่งที่ยังไม่เกิด เพราะฉะนั้น ก็เป็นธรรมะอีกแนวหนึ่งซึ่งเป็นอนัตตา

น.ท. จรัญ ร้องเพลงต่อ ...

เพลง แว่วเสียงธรรม

(เนื้อร้องโดย คุณสายฝน ปานุราช สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ หมายเลข ๒๓)

... แว่วเสียงแห่งธรรมที่ท่านกล่าวมา เป็นอารมณ์ เกิดความรื่นรมย์ สั่งสมอยู่ใน ใจตน ...
หยาดย้อยจากปราง สวรรค์เบื้องบน สู่กลางแผ่นดิน ในฐานถิ่นคน เหมือนดังหยาดฝน ฉ่ำใจ

พระธรรมช่วยคลาย ความเห็นผิด มี มาเดิม ไตร่ตรอง ไม่เผิน ความทุกข์ที่มี คลายไป
หล่อเลี้ยงจิตใจ ฉ่ำชื่นหทัย ผู้เคยหลับใหล พลันฟื้นตื่นใจ งดงามสดใส จริงเอย

พอแสงทอง อาทิตย์ทาบทา มาสนทนา ธรรมะเถิดเอย
ฟังพระธรรม ทุกครั้งอย่างเคย ไม่ควรลืมเลย ละเลย ลอยวน

แว่วเสียงแห่งธรรมที่ท่านกล่าวมาเป็นอารมณ์ ฝากมากับลม เหมือนฝนพร่างพรม ใจคน
... กุศลเกิดมา พาชื่นกมล จิตที่สั่งสมธรรมะ แยบยล น้อมนำส่งผล ... ต่อไป ... ... ...

น้ำเสียงของพี่โจที่ร้องเพลงนี้ เนื้อร้องที่พี่ฝน (สายฝน ปานุราช) ภรรยาคู่ชีวิตของพี่โจแต่งเพลงนี้ขึ้น จากความเข้าใจธรรม ยังคงแว่วอยู่ในความคิดนึกแห่งการระลึกถึงกัน ไม่เสื่อมคลาย ... .

" ... พอแสงทอง อาทิตย์ทาบทา ... ..มา ... สนทนาธรรมะเถิดเอย ... ..ฟังพระธรรม ... ทุกครั้ง..อย่างเคย ... ไม่ควรลืมเลย ... ละเลย ... ลอยวน ... .."

(ภาพถ่ายโดย อ.ธิดารัตน์ หอมจันทร์ เอื้อเฟื้อภาพโดย พี่แก้วตา อเนกพุฒิ วันที่ 12/10/59 กราบอนุโมทนา ครับ)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
j.jim
วันที่ 11 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 11 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suchada.s
วันที่ 11 ต.ค. 2559

ขอน้อมอนุโมทนาในมหากุศลที่คุณจรัญ ได้ทำแล้ว และขอน้อมจิตส่งสู่สรวงสวรรค์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suchada.s
วันที่ 11 ต.ค. 2559

กราบเท้าอนุโมทนาในความเมตตาของท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
namarupa
วันที่ 11 ต.ค. 2559

ท่านไปเกิดใหม่แล้วในภพภูมิอื่นค่ะ อนุโมทนาสาธุสำหรับธรรมเตือนใจค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan_ac
วันที่ 11 ต.ค. 2559

ขออนุโมทนาสาธุค่ะ ท่านจากไปพร้อมสิ่งที่วิเศษสุดแล้ว....ธรรมะของพระพุทธองค์

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 11 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wirat.k
วันที่ 12 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
siraya
วันที่ 12 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 12 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Centella
วันที่ 12 ต.ค. 2559

กุศลใดที่ท่านได้ทำแล้ว

น้อมนำไปสู่สุคติมีพระธรรมเป็นที่พี่ง

ตราบจนสิ้นสังสารวัฏเทอญ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 13 ต.ค. 2559

ขออนุโมทนาคุณวรรณวิไล เชาวน์ธาดาพงศ์ (คุณตุ๊กแก) สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๑๐๕๐ สำหรับบทอาลัยอันไพเราะนี้ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
peem
วันที่ 16 ต.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 25 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
swanjariya
วันที่ 15 ก.ค. 2564

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ขออุทิศคุณความดีทั้งปวงให้แก่นาวาอากาศโทจรัญ ปานุราช ขอท่านจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลด้วยเทอญ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ