ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๔๓

 
khampan.a
วันที่  17 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21267
อ่าน  1,517

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๓]

ไม่รอกาลเวลาที่จะถึงอีกสมัยหนึ่งของพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ก็ยังมีโอกาส ที่จะได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลา ที่พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงอยู่

ถ้าเป็นผู้ที่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ก็ย่อมเป็นผู้ที่น้อมประพฤติปฏิบัติตาม จน กระทั่งถึงการรู้แจ้งอริยสัจธรรม เมื่อนั้นก็ย่อมไม่เกิดในอบายภูมิ

เวลาที่ล่วงศีลแล้ว จิตใจเดือดร้อนกระวนกระวาย อาจจะทำให้คิดถึงเหตุการณ์ ที่ทำให้ล่วงศีล จิตใจก็กระสับกระส่าย แต่ผู้ที่สามารถจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และ น้อมประพฤติปฏิบัติตาม จนกระทั่งรู้แจ้งอริยสัจธรรม ศีลของท่านจะสมบูรณ์คือ เป็นผู้ ที่ไม่ล่วงศีล ๕ ก็จะไม่เป็นเหตุให้ทำอกุศลกรรมบถ ไม่เป็นเหตุที่จะทำให้เกิดใน อบายภูมิ

อกุศลทุกประเภท เช่น ความติดข้อง ความโกรธ ความริษยา ความตระหนี่ ความเคลือบแคลงสงสัย ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ความไม่รู้ เป็นต้น ทั้งหมดเป็น ธรรมเว้นจากสติ

เป็นการดี ที่ได้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ประโยชน์ของพระธรรม คือ ทำให้ รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง รู้จักสภาพธรรมที่เกิดขึ้นกับตนเองตรงตามความเป็นจริง ว่าไม่มีตัวตน แต่เป็นสภาพธรรมต่างๆ ลักษณะของจิตต่างๆ ลักษณะของเจตสิก ต่างๆ ลักษณะของรูปต่างๆ

ต้องไม่ลืมว่า ปัญญาจะต้องอบรมเจริญต่อไปอีก จนกว่าจะถึงการดับกิเลสได้ เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังนี้เป็นเครื่องเกื้อกูล เป็นเครื่องส่องทางให้รู้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่สามารถจะดับกิเลสได้ นอกจากปัญญา

เรื่องของมิตรเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเหตุว่าการคบกับบุคคลหนึ่งบุคคลใด อาจจะนำความเจริญอย่างมากมาให้ หรือว่าอาจจะนำความเสื่อมอย่างมากมาให้ ซึ่ง

ความเสื่อมอย่างมาก คือ ความเสื่อมโดยเห็นผิดในข้อประพฤติปฏิบัติในธรรม

ถ้าหวังร้ายต่อใคร หรือว่ายินดีในความพินาศของใคร ขณะใด ขณะนั้นไม่ได้ เจริญเมตตา

การเข้าใจสิ่งที่มีจริง มีได้แน่นอน แต่ต้องอาศัยการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัม

พุทธเจ้าทรงแสดง การฟังพระธรรมทั้งหมด ก็เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง

ปัญญา เป็นธรรมที่เข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่อวิชชาและกิเลสทั้งหลายไม่สามารถ รู้ตามความเป็นจริงได้

ไม่อยากไปเกิดในทุคติภูมิ แต่อย่างไรก็ต้องเกิด ถ้ามีเหตุปัจจัยที่จะทำให้มีการ เกิดในอบายภูมิ ใครๆ ก็ยับยั้งไม่ได้

ค่อยๆ ละเว้นจากอกุศลธรรมด้วยความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ห่างไกลจาก อกุศลธรรมด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ

งานที่ยิ่งใหญ่ ภาระที่ยิ่งใหญ่ ก็คือ การฟังพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ใช่ไปทำอะไร ด้วยความไม่เข้าใจ

ถึงแม้ว่าจะดีแสนดี ก็ยังไม่บริสุทธิ์ ถ้าไม่ประกอบด้วยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญา ก็ยังมีการยึดถือว่าเป็นความดีของเรา เป็นเราที่ดี ไม่ได้เข้าใจเลยว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา

เมื่อรู้ว่าตนเองเข้าใจธรรมผิด ไม่ตรงแล้ว ควรที่จะเป็นอย่างไรต่อไป? คำตอบ คือ ควรฟังพระธรรมต่อไป

ต้องฟังพระธรรม ถึงจะรู้ได้ว่ามีความติดข้อง มีความมัวเมา มีกิเลสมากมาย ถ้าไม่ติดข้อง จะต้องการอะไรหรือไม่?

สิ่งสำคัญ คือ ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ไม่ใช่คิดธรรมเอาเอง

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียด โดยประการ ทั้งปวง ก็เพื่อให้เห็นความไม่ใช่ตัวตน (อนัตตา)

สิ่งที่ไม่ดี คือ กิเลสอกุศลธรรมทั้งหลาย นำมาซึ่งโทษโดยส่วนเดียว

เพราะไม่รู้ จึงฟังพระธรรม จะได้เข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่ได้ฟังตามความเป็นจริง จะให้รู้ธรรมโดยไม่ฟังพระธรรม จะเป็นไปได้อย่างไร

อวิชชา (ความไม่รู้) จะนำมาซึ่งความรู้ ไม่ได้ อวิชชา เป็นมูลรากให้เกิดอกุศล ทั้งหลายมากมาย

ถ้าเป็นผู้ระลึกถึงความตายได้ ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต

สังสารวัฏฏ์ก็จะยืดยาวต่อไปอีก เกิดอีกต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น ตราบใด ที่ยังไม่เริ่มได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง

ธรรม ควรค่าแก่การเข้าใจ ผู้เห็นประโยชน์จึงมาฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจธรรม ตามความเป็นจริง

กัลยาณมิตร สูงสุดเพียงพระองค์เดียว คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทรง เป็นโทษกับใครๆ เลยแม้ท่านพระเทวทัตจะคิดร้ายอย่างไรกับพระองค์

การที่จะละความติดข้องและอกุศลทั้งหลายได้ ไม่ใช่ด้วยความไม่รู้ความจริง แต่ด้วยปัญญา ที่สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกจนถึงที่สุดได้ ตามลำดับ แม้โลภะที่เกิด สะสมมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ ก็สามารถดับได้จนหมดสิ้นไม่เกิดอีกเลย

เคารพในธรรม คือ ตั้งใจฟัง ตั้งใจที่จะเข้าใจพระธรรมที่ได้ฟัง

๐ ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ ไม่ประมาทพระธรรมในแต่ละคำที่ได้ฟัง

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๔๒ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๒

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ

- สภาพธรรมเกิดแล้ว ดับแล้ว สุดที่จะประมาณได้ถ้าไม่มีการนับ วัน เดือน ปีก็ไม่ สามารถที่จะรู้ได้เลย ว่า วันเวลา ล่วงเลยไปนานเท่าไร แต่ว่า ประโยชน์ของการที่ ได้มี วันเวลาใหม่ "ทุกขณะ"ก็เพื่อที่จะได้ "เข้าใจธรรมะ" นี่เป็นประโยชน์สูงสุด.

- เราไม่สามารถรู้ได้เลย ว่า จะจากโลกนี้ไปขณะไหน ถ้าเป็น "ขณะที่กำลังเข้าใจ พระธรรม" จนกระทั่งสามารถที่จะ "รู้ลักษณะ" ที่กำลังเป็น "ธรรม" ในขณะนี้ได้ "ขณะนั้น" ก็ประเสริฐที่สุด เพราะขณะนั้น จากไปด้วยความเห็นถูก "ความเข้าใจถูก" ในสิ่งซึ่งไม่มีสาระ

- คนที่มีปัญญา เห็นประโยชน์ของการมีชีวิต ควรที่จะเห็นถึงคุณค่าของ "ขณะที่ ประเสริฐ" ขณะที่เป็นกุศล คือ ขณะที่ประเสริฐ และ "กุศลนั้น" ก็ต้องประกอบด้วย "ความเข้าใจพระธรรม" ด้วย

- "อริยสาวิตรี" คือ การเป็นผู้ที่มี พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ เป็น ที่พึ่งที่แท้จริง สิ่งอื่นพึ่งได้ไหม เช่น ขณะที่กำลังเห็น ในขณะนี้ มีสิ่งที่ "กำลังปรากฏ" พึ่งอะไร

- ถ้าขณะนั้น โลภะเกิด โทสะเกิด โมหะเกิด ชื่อว่า ขณะนั้น ไม่มี อะไร เป็นที่พึ่ง ที่พึ่งที่แท้จริง คือ "ปัญญา"

- ปีเก่า ปีใหม่ก็เป็น "แต่ละขณะ" ซึ่งผ่านไปเป็นเพียงการกำหนดเวลา เท่านั้นเอง แต่ "การบูชาพระรัตนตรัย ด้วยการศึกษาพระธรรม" เป็น "แต่ละขณะ" ที่มีค่ายิ่ง

- แม้ "ศรัทธา" ที่จะชื่นชม อนุโมทนา ในคุณของกุศลธรรมก็เป็นการ "รู้คุณ" ของกุศลธรรมขณะนั้น ก็เป็น "ศรัทธา" ในกุศลธรรม แต่ยังไม่ได้ "กระทำกุศลกรรม" แต่ เมื่อมี "ศรัทธา" ในกุศลธรรม และ กระทำกุศลกรรมด้วยย่อมเห็นถึงความต่างกัน ระหว่าง เพียงความ ศรัทธาในกุศลธรรมและความศรัทธาที่เพิ่มขึ้นจนกระทั่งสามารถ ที่จะ "กระทำกุศลกรรม" ต่างๆ นั้น ได้ด้วย เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะเจริญกุศลทุกประการ เท่าที่สามารถจะกระทำได้ไม่เพียงแต่ศรัทธา อนุโมทนาในกุศลธรรมของ บุคคลอื่นแต่ ไม่ได้กระทำกุศลกรรมนั้นเลย เพราะ "กุศลกรรม" ทำให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็ควรเป็นมนุษย์ ที่ทำความดี เป็น "คนดี ที่มีความเข้าใจธรรม" มิฉะนั้น ก็เพียงแต่ได้ เกิดมา เป็น มนุษย์เท่านั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 17 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

- ต้องไม่ลืมว่า ปัญญาจะต้องอบรมเจริญต่อไปอีก จนกว่าจะถึงการดับกิเลสได้ เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังนี้เป็นเครื่องเกื้อกูล เป็นเครื่องส่องทางให้รู้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่สามารถจะดับกิเลสได้ นอกจากปัญญา

- ต้องฟังพระธรรม ถึงจะรู้ได้ว่ามีความติดข้อง มีความมัวเมา มีกิเลสมากมาย

- ถ้าไม่ติดข้อง จะต้องการอะไรหรือไม่?

- เราไม่สามารถรู้ได้เลย ว่า จะจากโลกนี้ไปขณะไหน ถ้าเป็น "ขณะที่กำลังเข้าใจ พระธรรม" จนกระทั่งสามารถที่จะ "รู้ลักษณะ" ที่กำลังเป็น "ธรรม" ในขณะนี้ได้ "ขณะนั้น" ก็ประเสริฐที่สุด เพราะขณะนั้น จากไปด้วยความเห็นถูก "ความเข้าใจถูก" ในสิ่งซึ่งไม่มีสาระ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ. เผดิม ที่กรุณา ปันธรรม ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 17 มิ.ย. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นและอาจารย์ผเดิมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kinder
วันที่ 17 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nong
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผู้รู้น้อย
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ปีเก่า ปีใหม่ก็เป็น "แต่ละขณะ" ซึ่งผ่านไปเป็นเพียงการกำหนดเวลา เท่านั้นเอง แต่ "การบูชาพระรัตนตรัย ด้วยการศึกษาพระธรรม" เป็น "แต่ละขณะ" ที่มีค่ายิ่ง

ขอน้อมจิตอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยเศียรเกล้าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
aurasa
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรื่องของมิตรเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเหตุว่าการคบกับบุคคลหนึ่งบุคคลใด อาจจะนำความเจริญอย่างมากมาให้ หรือว่าอาจจะนำความเสื่อมอย่างมากมาให้ ซึ่ง ความเสื่อมอย่างมาก คือ ความเสื่อมโดยเห็นผิดในข้อประพฤติปฏิบัติในธรรม

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
หลานตาจอน
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
พิมพิชญา
วันที่ 19 มิ.ย. 2555

ขอบพระคุณมากค่ะ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
orawan.c
วันที่ 19 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Noparat
วันที่ 19 มิ.ย. 2555

ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ ไม่ประมาทพระธรรมในแต่ละคำที่ได้ฟัง


กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Thanapolb
วันที่ 19 มิ.ย. 2555

โกรธแล้ว ใครมีความสุขบ้าง? ใช่ โกรธแล้วไม่มีความสุข แล้วโกรธ ทำไม?

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ. คำปั่นและทุกๆ ท่าน

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
h_peijen
วันที่ 21 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
เจียมจิต
วันที่ 26 มิ.ย. 2563

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
chatchai.k
วันที่ 12 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ