ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๔๔

 
khampan.a
วันที่  24 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21297
อ่าน  1,404

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๔]

- วันหนึ่งๆ ที่จะเกิดความทุกข์ ก็เป็นเพราะความคิด สิ่งที่เห็นทางตาเกิดแล้วก็ ดับไป ถ้ารู้ตามความเป็นจริงว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ขณะนั้นก็จะ ไม่เดือดร้อน

- ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็เป็นหนทางที่จะทำให้หิริและโอตตัปปะในวันหนึ่งๆ เพิ่มขึ้นมากทีเดียว มีความละอายต่อการที่จะมีการกระทำทางกายที่เป็นการทำความ เดือดร้อนให้กับบุคคลอื่น มีความละอายที่จะมีวาจาที่ไม่ไพเราะที่จะทำให้คนอื่นขุ่น เคือง หรือว่าที่จะทำให้คนอื่นไม่สบายใจ

- ถึงแม้จะมีสิ่งที่ชักชวน หรือว่าจูงใจให้คิดในทางที่เป็นอกุศล ให้เข้าใจผิดในทาง ที่เป็นอกุศล ก็ไม่คล้อยตาม เพราะเหตุว่าเป็นผู้ที่มั่นคงในกุศล

- หิริโอตตัปปะเป็นธรรมเครื่องคุ้มครองโลก ซึ่งจะทำให้ไม่เดือดร้อนทั้งกาย วาจา ใจ เพราะเหตุว่าหิริเป็นสภาพที่ละอาย รังเกียจอกุศลธรรม และโอตตัปปะก็เป็นสภาพ ธรรมที่กลัวบาป กลัวอกุศลธรรม

- ในขณะที่ฟังพระธรรม ขณะนี้เป็นช่วงของกุศลจิต แต่ก็ย่อมจะมีบางวาระซึ่ง อกุศลจิตก็เกิดแทรกได้ตามเหตุตามปัจจัย

- ตามธรรมดาปกติ ทางวาจามักจะคล้อยไปในทางอกุศลโดยง่าย เพราะฉะนั้น ขณะใดที่เกิดการงดเว้นแม้แต่คำพูดเท็จก็ไม่พูด ในขณะนั้นก็เพราะมีความละอาย มีความรังเกียจอกุศลธรรมที่จะพูดเท็จในขณะนั้น

- โกรธขึ้นมาคราใด แล้วก็โกรธต่อไปอีกนาน ในขณะนั้นทั้งหมด หิริโอตตัปปะ ไม่เกิด

- หนทางอื่น ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้

- สิ่งที่ไม่ดี คือ อกุศล ยังมี เพราะยังไม่มีปัญญาถึงขั้นที่จะดับได้ ปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้สิ่งที่ไม่ดีลดน้อยลง

- เวลาที่ใครว่า หรือ เวลาที่มีใครชม ก็ไม่หวั่นไหว้ได้ เพราะมีปัญญา ความลึกซึ้งของพระธรรม ใครที่สามารถเข้าใจได้ ก็ต้องตามกำลังปัญญาของตนเอง

- การสนทนาธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก

- ตราบใดที่ยังมีกิเลส จะประมาทไม่ได้ เพราะอาจจะกระทำอกุศลกรรมในวันหนึ่ง วันใดก็ได้ ถ้าเป็นผู้ประมาท อกุศลย่อมเกิดเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น

- ธรรมแต่ละคำ เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ทั้งหมด

- ศรัทธาที่มีในขณะนี้ในขณะที่กำลังฟังพระธรรม จะเป็นไปเพื่อปัญญาเข้าใจ สภาพธรรมตามความเป็นจริง ละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้ในที่สุด

- งานใหญ่ คือ การละกิเลส ถ้าไม่มีปัญญา งานนี้ไม่สำเร็จแน่

- ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ แต่ละครั้ง แต่ละคำที่ได้ยินได้ฟัง ใครเป็นผู้ตรัส? พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ตรัส

- ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นในพระปัญญาตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คงจะไม่มีการฟังพระธรรม แต่เพราะมีความเชื่อมั่น จึงฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก

- สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ สามารถรู้ได้ด้วยการฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

- ไม่ละทิ้งการฟังพระธรรม ปัญญาจะทำให้ศรัทธามั่นคงขึ้น

- ฟังพระธรรมแล้ว มีศรัทธาที่จะติดข้องน้อยลงหรือไม่? ฟังพระธรรมแล้วมีศรัทธา ที่จะไม่โกรธหรือไม่?

- เป็นคนดียาก ถ้าชาตินี้ เป็นคนดีไม่ได้ ชาติหน้าจะเป็นคนดีได้อย่างไร

- เป็นคนน่ารัก ด้วยกุศลธรรมที่ค่อยๆ เจริญขึ้น

- อวิชชาปิดบังไม่ให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง

- ถ้าไม่เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ แล้วประโยชน์ของการฟังพระธรรมอยู่ ที่ไหน? จุดประสงค์ของการฟังพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้

- เพราะไม่เข้าใจพระธรรม ศรัทธาที่จะไม่โกรธ จึงไม่มี

- ถ้าไม่มีโสภณธรรม (ธรรมฝ่ายดี) เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ จะเป็นกุศลไม่ได้เลย

- เมื่อเข้าใจถูก จึงไม่โกรธ จึงไม่ติดข้อง จึงไม่ตระหนี่ จึงไม่ริษยา ทั้งหมดมา จากปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก

- กุศล เป็นกุศล ไม่ว่าจะเกิดกับใคร ความเป็นจริงของกุศล ไม่เคยเปลี่ยน

- ขณะใดที่เป็นอกุศล ขณะนั้นกำลังเก็บขยะ สะสมสิ่งที่มีโทษให้กับตนเอง ถ้าไม่มีปัญญาก็จะไม่เห็นโทษภัยของอกุศล

- ถ้าไม่มีศรัทธาในการฟังพระธรรม จะน้อมไปสู่การสำเร็จกิจแห่งงานที่ยิ่งใหญ่ คือการดับกิเลสจนหมดสิ้น ไม่ได้เลย

- พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทั้งหมด เป็นเครื่องอุปการะ เกื้อกูลสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่อย่างแท้จริง

- เป็นบัณฑิตได้ ในขณะที่มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง

- ถ้ามีปัญญา จะไม่ทำให้ดำเนินไปในทางที่ผิด

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๔๓ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๓

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ

- ท่านผู้ฟังซาบซึ้งในคำอุปมาที่ว่า "จับด้ามมีด" ใช่ไหม จับจนกว่าจะสึกเพียง ชั่วขณะที่จับครั้งแรกนี้ ไม่ปรากฏว่าด้ามมีดสึกปีหนึ่งก็ยังไม่สึก จับทุกวันก็ยังไม่สึก แต่เวลาที่ด้ามมีดสึกแล้วทราบว่ามี เหตุ คือ การจับ ซึ่งทำให้ด้ามมีดสึกและ ด้ามมีด ไม่ใช่ขณะอื่นกำลังเห็นเดี๋ยวนี้ จับ หรือยัง สติ ระลึกศึกษา รู้ลักษณะ ของ สิ่งกำลัง ที่ปรากฏ หรือยัง ทางหู จมูก ลิ้น กาย ใจ ด้ามมีดทั้งหมดที่กำลังรอให้สติระลึกเพื่อที่ จะรู้ชัดตามความเป็นจริงว่าสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน มิฉะนั้น แล้วบุรุษเปล่าทั้งหลายก็จะพูดว่า ธรรมะ ทั้งหลายเป็นอนัตตาแต่ไม่ประจักษ์ ในความ เป็นอนัตตาของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ"

- ขณะที่กำลังเห็น เป็นเพียงเห็นสภาพธรรมที่กำลังเห็นนี้ได้ยินเสียงไม่ได้ คิดนึก ไม่ได้ เห็นเกิดขึ้น ทำกิจเห็นเท่านั้น.เมื่อมีเหตุปัจจัย ที่จะให้จิตเกิดขึ้น มีสภาพธรรม ที่กำลังรู้สิ่งที่ปรากฏทางตาซึ่งใช้คำว่า "เห็น" เป็นธรรมะ เป็นของจริง เป็นสภาพ ธรรมที่ลึกซึ้งหรือจะใช้คำว่า "ลึกลับ" ก็คงไม่ผิด เพราะว่า "ไม่ปรากฏ" กับปัญญา

- ข้ามสิ่งที่กำลังปรากฏหรือเปล่า ก็ไปหาอย่างอื่น สิ่งอื่นหมดเลย เหมือนกับไม่ว่า พระผู้มีพระภาคจะทรงแสดงอะไรก็จะเข้าใจไปทุกอย่างไม่ได้คิดว่า ปัญญาของเรานี้ แค่ไหนทั้งๆ ที่ทรงอุปมาว่าเหมือนกับจะงอยปากยุง จุ่มลงไปในมหาสมุทร (หมายถึง ปัญญาของเราเหมือนปากยุง รู้ได้นิดเดียว ไม่มีทางที่จะรู้ได้หมดเหมือนมหาสมุทร) ทุกสูตรที่เราอ่านไม่ได้หมายความว่าเราจะรู้ได้หมด เพราะฉะนั้น เราจะต้องรู้ว่า เราสามารถเข้าใจอะไรได้แค่ไหนในเมื่อสิ่งที่กำลังปรากฏมีอยู่ ถ้าคิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ (เรื่องราว) ก็จะไม่มีทางรู้สิ่งที่กำลังปรากฏแล้วก็จะลืมไป (หลงลืมสติ) และคิดถึงเรื่องอื่นต่อๆ ไปอีก

- สิ่งที่ความตายชอบกลืนกินมากที่สุดก็คือ สิ่งที่ยังไม่ตาย. สินบน อาจมีแก่ เพชฌฆาต แต่ไม่อาจมีแก่มัจจุราช ทรัพย์สิน เงินทอง อำนาจ ยศศักดิ์ ญาติสนิท มิตรชอบ เหล่านี้มิอาจหักห้ามความตายได้เลย เมื่อซื้อหรือหยุดความตายไม่ได้ เช่นนี้แล้วเราควรทำอย่างไรจึงชื่อว่าไม่ประมาทต่อความตาย นั่นคือ การเจริญกุศล ทุกๆ ประการตามเวลาและโอกาส และ ให้เวลากับการอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม

- ธรรมทั้งหมดที่ทรงแสดง เพื่อละ ละอะไร "ละความเห็นผิด" จากการที่ไม่เคยฟัง แล้วละอะไร "ละกิเลส" ละกิเลสต่อไปเรื่อยๆ ตามลำดับ จนหมด ไม่เกิดอีกเลย. กิเลสที่ทุกคนมีมากๆ อย่าง "โลภะ" นี้ ละยากเหลือเกินเพราะ "เหตุ" อะไร "เพราะไม่มีปัญญา" อยากจะละ ก็ละไม่ได้ รู้ว่าเป็น "ความติดข้อง" และรู้ว่าความติด ข้องนำมาซึ่งทุกข์โทษ ทรงแสดงไว้มากมายแต่ถ้า "ปัญญา" ไม่เกิด อะไรจะไปละ นอกจาก "ตัวเราอยากละ" แต่จริงๆ แล้วละไม่ได้ "เพราะไม่ใช่ปัญญา" เพราะฉะนั้น หนทาง ซึ่งมีทางเดียวจริงๆ คือ การอบรมปัญญา ด้วยสติปัฏฐานการเจริญมรรค ที่จะ ให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม หนทางอื่นไม่มี เพราะ "สภาพธรรมคือความจริง" เป็นอย่างนี้ ต้องฟังให้เข้าใจอย่างนี้ ต้องอบรมให้เข้าใจอย่างนี้ ต้องรู้ถูกอย่างนี้ จึงจะเป็น ความเห็นถูก เพราะฉะนั้นต้องเป็นความเห็นถูกที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ต้น ไปเรื่อยๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 24 มิ.ย. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นและอาจารย์ผเดิมและทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Noparat
วันที่ 24 มิ.ย. 2555

- งานใหญ่ คือ การละกิเลส ถ้าไม่มีปัญญา งานนี้ไม่สำเร็จแน่

- สิ่งที่ไม่ดี คือ อกุศล ยังมี เพราะยังไม่มีปัญญาถึงขั้นที่จะดับได้ ปัญญาเท่านั้น ที่จะทำให้สิ่งที่ไม่ดีลดน้อยลง

- ขณะใดที่เป็นอกุศล ขณะนั้นกำลังเก็บขยะ สะสมสิ่งที่มีโทษให้กับตนเอง ถ้าไม่มีปัญญาก็จะไม่เห็นโทษภัยของอกุศล

- ถ้ามีปัญญา จะไม่ทำให้ดำเนินไปในทางที่ผิด

- ไม่ประมาทต่อความตาย นั่นคือ การเจริญกุศลทุกๆ ประการ ตามเวลาและโอกาส และ ให้เวลากับการอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pat_jesty
วันที่ 24 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่น อาจารย์ผเดิม และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เข้าใจ
วันที่ 24 มิ.ย. 2555

กราบขอบพระคุณอาจารย์คำปั่น อาจารย์ผเดิม และกัลยาณมิตรสหายธรรมทุกๆ ท่านครับ ซึ่งแบ่งปันพระธรรมที่มีสาระ เพื่อละธรรมที่ไม่มีสาระ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
หลานตาจอน
วันที่ 25 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nong
วันที่ 25 มิ.ย. 2555

มื่อเข้าใจถูก จึงไม่โกรธ จึงไม่ติดข้อง จึงไม่ตระหนี่ จึงไม่ริษยา ทั้งหมดมา จากปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wirat.k
วันที่ 25 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 25 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 25 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่น อาจารย์ผเดิม และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wittawat
วันที่ 25 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.คำปั่น และทุกๆ ท่านครับ

เป็นข้อความที่ลึกซึ้ง มีประโยชน์ให้พิจารณาความจริงในขณะนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
เซจาน้อย
วันที่ 25 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ทุกข์มากก็เพราะมีกิเลสมาก ทุกข์น้อยก็เพราะมีกิเลสน้อย จะไม่มีทุกข์เลยก็ต้องดับกิเลสให้หมด"

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.คำปั่น อ.ผเดิม และทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
edu
วันที่ 25 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับผม...

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
bsomsuda
วันที่ 26 มิ.ย. 2555

"ไม่ละทิ้งการฟังพระธรรม ปัญญาจะทำให้ศรัทธามั่นคงขึ้น"

"มื่อเข้าใจถูก จึงไม่โกรธ จึงไม่ติดข้อง จึงไม่ตระหนี่ จึงไม่ริษยา ทั้งหมดมาจากปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก"

"ทุกสูตรที่เราอ่านไม่ได้หมายความว่าเราจะรู้ได้หมด เพราะฉะนั้น เราจะต้องรู้ว่าเราสามารถเข้าใจอะไรได้แค่ไหน ในเมื่อสิ่งที่กำลังปรากฏมีอยู่ ถ้าคิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ (เรื่องราว) ก็จะไม่มีทางรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ แล้วก็จะลืมไป (หลงลืมสติ) และคิดถึงเรื่องอื่นต่อๆ ไปอีกค่ะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.ผเดิม และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
เมตตา
วันที่ 26 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

- เป็นคนดียาก ถ้าชาตินี้ เป็นคนดีไม่ได้ ชาติหน้าจะเป็นคนดีได้อย่างไร พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทั้งหมด เป็นเครื่องอุปการะ เกื้อกูลสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่อย่างแท้จริง

- ธรรมทั้งหมดที่ทรงแสดง เพื่อละ...ละอะไร.? "ละความเห็นผิด" จากการที่ไม่เคยฟัง แล้วละอะไร? "ละกิเลส" ละกิเลสต่อไปเรื่อยๆ ตามลำดับ จนหมด ไม่เกิดอีกเลย กิเลสที่ทุกคนมีมากๆ อย่าง "โลภะ" นี้ ละยากเหลือเกินเพราะ "เหตุ" อะไร? "เพราะไม่มีปัญญา" อยากจะละ ก็ละไม่ได้

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.ผเดิม และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
NUWIE26
วันที่ 27 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาบุญค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
aurasa
วันที่ 28 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
chatchai.k
วันที่ 17 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ