ความรู้ทางธรรม ทำอะไรได้


    ประทีป   แล้วก็มีผู้ฝากถามมาว่า เพื่อประโยชน์ของนักศึกษาใหม่ อยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า  เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาทำไม แล้วเกิดมาเพื่ออะไรครับ

    ส.   เกิดมาแล้วทุกคนตอบได้  เกิดมาแล้วก็จะไม่เป็นไปได้ไหม  จิตขณะแรกที่เกิดต้องมีจิตหนึ่งขณะแน่นอนที่เกิดเป็นครั้งแรก ถ้าไม่มีจิตเกิดขึ้นเป็นขณะแรก ขณะหลังๆ ก็ไม่มี แล้วที่จะรู้ว่า เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เพราะเหตุว่ามีนามธรรม คือจิตและเจตสิกเกิดขึ้น ขณะแรกดับ จิตเป็นธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษ เวลาที่จิตขณะหนึ่งเกิดขึ้น สามารถเป็นปัจจัยให้จิตและเจตสิกขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันทีที่จิตขณะแรกดับ

    เพราะฉะนั้น เวลาที่เราได้ทราบลักษณะของสภาพธรรมะแต่ละอย่าง เราก็จะทราบถึงลักษณะ แล้วก็กิจการงานของสภาพธรรมะนั้น  อาการปรากฏ และเหตุใกล้ให้เกิด รวมทั้งปัจจัยที่จิตนั้นสามารถที่จะเป็นปัจจัยให้เกิดอะไร ๆ อีกพร้อมกัน หรือว่าต่อจากนั้นก็ได้ 

    เพราะฉะนั้น เวลาที่จิต ๑ ขณะเกิด จะมีเพียงจิต ๑ ขณะก่อน ที่เกิดแล้วก็ดับไป แต่จิตเป็นสภาพที่เป็นอนันตรปัจจัย  หมายความว่าทันทีที่จิตขณะนั้นดับก็จะเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิด โดยที่ใครๆ ก็ไปยับยั้งไม่ได้

    นี่เป็นเหตุที่ทันทีที่ปฏิสนธิจิตดับ จิตอื่นต้องเกิดสืบต่อทีละ ๑ ขณะ  สืบๆ มาจนกระทั่งถึงขณะนี้ จิตก็จะเกิดขึ้นเพียงทีละ ๑ ขณะ พร้อมด้วยเจตสิกที่เกิดร่วมกัน แต่ทีละขณะเดียวแล้วก็ดับ แล้วก็จิตอื่นก็เกิดสืบต่อ

    ประทีป   การศึกษาในลักษณะนี้ ศึกษาเรื่องธรรมะ รู้แล้วจากความเข้าใจขั้นการฟังว่า มีสิ่งที่กำลังปรากฏ จะเป็นประโยชน์อย่างไรสำหรับในชีวิตของกระผมบ้างครับผม

    ส.   ความรู้กับความไม่รู้ อะไรเป็นประโยชน์

    ประทีป   ความรู้ย่อมเป็นประโยชน์กว่า  แต่ว่าความรู้ในลักษณะอย่างนี้  เหมือนกับไปทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย  รู้ว่าผมกำลังเห็น ทุกคนก็เห็นเหมือนกัน ได้ยินก็ได้ยินเหมือนกัน

    ส.   แล้วต้องการประโยชน์อะไรคะ ที่ว่าความรู้อย่างนี้ทำประโยชน์ไม่ได้ แต่ความรู้อย่างอื่นทำประโยชน์ได้ หมายความว่าอย่างไร

    ประทีป   คือความรู้อย่างอื่นที่ผมศึกษาเล่าเรียนมา เราสามารถไปประกอบอาชีพการงานได้ อะไรได้ ทำให้เรามีเงินมีทองใช้ มีข้าวของใช้  แต่ว่าการมาศึกษาธรรมะ ที่มันจะหนีไม่พ้น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันก็เป็นชีวิตประจำวัน ซึ่งเราเห็น เราได้ยินเป็นประจำอยู่  แล้วจะเป็นประโยชน์มากกว่านี้อย่างไรครับ

    ส.    คนที่ไม่ศึกษาเลย ไม่มีความรู้อะไรเลย ต้องตายไหมคะ

    ประทีป   ต้องตายครับ

    ส.   คนที่มีความรู้มาก ศึกษามาก มีทุกสิ่งทุกอย่าง ตายไหมคะ

    ประทีป   ตายครับผม

    ส.    คนที่ศึกษาธรรมแล้ว ตายไหมคะ

    ประทีป   ก็ตายครับ

    ส.   ก็ตาย เพราะฉะนั้น ถ้ารู้ความจริงว่าต้องตาย แล้วก็ต้องเกิด ซึ่งคนที่ไม่ศึกษาคิดว่า ตายแล้วไม่ต้องเกิดอีกก็มี บางคนก็เข้าใจว่าอย่างนั้น คือเข้าใจว่าตายแล้วก็สูญไปเลย แต่นั่นเข้าใจผิด

    เพราะฉะนั้น แม้แต่การที่จะเกิด  ก็ยังไม่รู้เลยว่า ต้องเกิด เพราะมีเหตุที่จะทำให้เกิด แล้วเมื่อเกิดแล้ว บางคนตอนเป็นเด็ก ไม่รู้เลยว่าจะต้องตาย แต่เมื่อโตขึ้นก็จะรู้ว่า เมื่อเกิดแล้วที่จะไม่ตายนั้นไม่มี แต่ถ้าคนที่มีปัญญาเพิ่มขึ้น ก็จะรู้ว่า ถึงแม้ว่าตายแล้วก็ยังต้องเกิดอีก ไม่รู้จบ ก็เป็นอย่างนี้  แล้วก็เปลี่ยนไปแต่ละภพ แต่ละชาติ

    เพราะฉะนั้น ถ้ารู้ความจริงว่าเพราะเหตุใด แต่ละคนจึงมีการสะสมอุปนิสัยที่ต่างกัน มีการกระทำที่ต่างกัน เพราะว่าบางคนก็มีความประพฤติที่ดี ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย แต่บางคนก็มีอัธยาศัยอุปนิสัยที่ไม่ดี  ที่ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วก็เป็นโทษกับตัวเองด้วย

    เพราะฉะนั้น ก็มีชีวิตอยู่เหมือนคนตาบอด เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์  เดี๋ยวก็ได้ลาภ เดี๋ยวก็เสื่อมลาภ โดยไม่มีรู้เหตุว่ามาอย่างไร ไปอย่างไรถึงได้เป็นอย่างนี้  แต่ถ้าสามารถจะรู้ได้ ก็สามารถที่จะพ้นจากความทุกข์ได้ตามลำดับขั้น เพราะว่าคงจะไม่มีใครที่ต้องการที่จะมีทุกข์ แต่ว่าไม่มีใครที่สามารถที่จะพ้นจากทุกข์ได้ เมื่อมีเหตุของทุกข์ ที่จะต้องเกิดเป็นทุกข์ขึ้น


    หมายเลข 10241
    19 ก.ย. 2558