ประเพณีการสวดพระอภิธรรม

 
siwa
วันที่  6 มี.ค. 2551
หมายเลข  7713
อ่าน  4,999

เหตุใดพระอภิธรรมปิฏก มักนำมาสวดเฉพาะในงานบำเพ็ญกุศลเนื่องในงานศพและพิธีสวดพระอภิธรรม พระท่านสวดเรื่องอะไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Pararawee
วันที่ 6 มี.ค. 2551

นั่นสินะ อยากทราบเหมือนกันค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 6 มี.ค. 2551

ในสมัยครั้งพุทธกาลไม่มีพิธีกรรมงานศพเหมือนปัจจุบันคือเมื่อคนตายก็นำไปเผาที่ป่าช้าในวันนั้นเลย ไม่มีพิธีการสวดพระอภิธรรมในงานศพ และยังไม่พบที่มาว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยไหน หรือเพื่อจุดประสงค์ใดในการสวดพระอภิธรรมในงานศพ แต่พอทราบจากที่ผู้ใหญ่เล่าสืบกันมาว่า ในอนาคตคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอันตรธานเสื่อมหายจากโลกนี้ เพราะไม่มีใครศึกษาและเข้าใจ คำสอนที่เสื่อมก่อนก็คือพระอภิธรรมปิฎก

ดังนั้นโปราณจึงให้มีการแสดงพระอภิธรรมปิฎก (สวด) เพื่อให้คนที่เป็นอยู่ ได้ยินได้ฟังพระอภิธรรม อีกนัยหนึ่ง เมื่อมีคนตายเกิดขึ้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเศร้าโศกของญาติของผู้ตายพระภิกษุ จึงแสดงความจริงว่า ทุกอย่างเป็นเพียงธรรมะอย่างหนึ่งเท่านั้น (กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา อัพยากตาธัมมา)

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 6 มี.ค. 2551

พระท่านสวดคัมภีร์อภิธรรม ทั้ง ๗ คัมภีร์ ไล่ตั้งแต่ คัมภีร์ที่ ๑ ธัมมสังคณีปกรณ์ ที่กล่าวเริ่มต้นว่า กุสลาธัมมา (ธรรมที่เป็นกุศล) จนจบที่ คัมภีร์ที่ ๗ คือ ปัฏฐานมหาปกรณ์ซึ่งก็คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เอง นั่นคืออภิธรรม แต่แสดงโดยนัยมากมายทั้งความเป็นปัจจัยและอื่นๆ

เรื่อง พระอภิธรรมเสื่อมก่อน

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๖๘

เมื่อเวลาล่วงไปๆ ปริยัติ ย่อมเสื่อม ภิกษุทั้งหลายไม่สามารถจะทรงจำอรรถไว้ได้ ทรงจำไว้ได้แต่พระบาลีเท่านั้น. แต่นั้นเมื่อกาลล่วงไป ก็ไม่สามารถจะทรงบาลีไว้ได้ทั้งสิ้น. อภิธรรมปิฎกย่อมเสื่อมก่อน. เมื่อเสื่อม ก็เสื่อมตั้งแต่ท้ายมา. จริงอยู่ ปัฏฐานมหาปกรณ์ย่อมเสื่อมก่อนทีเดียว เมื่อปัฏฐานมหาปกรณ์เสื่อม ยมก กถาวัตถุ บุคคลบัญญัติ ธาตุกถา วิภังค์ ธัมมสังคณี ก็เสื่อม

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 6 มี.ค. 2551

ท่านสวดเรื่องปัจจัย ๒๔ เช่น เหตุปัจจัย อนัตตรปัจจัย ฯลฯ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เราต้องพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจทั้งปวง เรามีความเกิดเป็นธรรมดา มีความเจ็บเป็นธรรมดา มีความตายเป็นธรรมดา ทำดีทำชั่วก็เป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ฯลฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 6 มี.ค. 2551

ผมก็เคยได้ปรารภมาหนหนึ่ง เรื่องการสวดพระอภิธรรมในงานศพ เพราะไปงานศพมามาก ตั้งแต่เด็กจนเดี๋ยวนี้ ไปทีไรก็ให้นึกเสียดายทุกครั้ง เสียดายอะไร? ก็เสียดายเวลาและโอกาสของทุกคนที่ไปงาน

เพราะโดยปรกติคนทั้งหลายก็ไม่ค่อยจะได้มีโอกาสใกล้ชิดพระศาสนา (ฟังธรรม) แต่ครั้นเมื่อไป (งานศพ) แล้ว แทนที่จะได้รู้เรื่องธรรม (ที่สวด) ก็ฟังไม่รู้เรื่อง จึงได้แต่พนมมือ (ทำไม?) และพูดคุยกันเสีย เพราะไหนๆ ก็ฟังไม่รู้เรื่อง แถมยังเจอญาติๆ ที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอ (นอกจากงานศพ) จึงได้แต่รำพึงกับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ที่ไปงานศพว่า ท่านน่าจะสวดสั้นๆ ก็พอ (เป็นพิธี) แล้วควรที่จะแสดงธรรมเสียมากกว่า ครับ ก็ได้แต่รำพึงกับตัวเองอีกต่อไปนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
prapan
วันที่ 7 มี.ค. 2551

พระโบราณาจารย์ ท่านเห็นความสำคัญของพระอภิธรรมว่า จะเป็นธรรมมะที่เสื่อมก่อนปิฏกอื่น ด้วยเหตุว่า ปัญญาคนในอนาคตจะอ่อนลง ไม่แก่กล้า เหมือนคนในอดีต ไม่สามารถเข้าใจในพระอภิธรรมได้ จึงต้องเอาอภิธรรมฝากไว้กับผี เพราะเหตุว่า โลกนี้ต้องมีคนตายทุกวัน และต้องมีคนตายกันเสมอ เพราะว่า คนทุกคนเกิดก็ต้องตาย ดังนั้นการสวดอภิธรรม จึงไม่ขาดหายไปได้เลย

แต่น่าเสียดายว่า พระที่สวดน้อยรูป จึงรู้ความหมายของบทสวด คนที่ฟังก็น้อยมากที่จะเข้าใจถึงอรรถในบทสวด ศพที่ตายก็ไม่สามารถฟังได้แล้ว เพราะไม่มีโสตวิญญาณแล้ว มีแต่อุตุชรูป แต่กระนั้นก็ตาม หากพระที่สวด บุคคลผู้ฟังสวด มีจิตเป็นกุศล เลื่อมใสในพระสัทธรรม ก็สามารถ มีกุศลจิต ขณะฟังสวดได้เช่นกันครับ ดังนั้น พิธีกรรมการสวดอภิธรรม จึงถึอว่า มีประโยชน์มากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 7 มี.ค. 2551

ครับก็ขออนุโมทนา ในความละเอียดของท่าน โบราณาจารย์ที่ได้นำพระอภิธรรมมาสวดในงานศพด้วยเหตุผลดังกล่าว มองในแง่นี้ ก็ทำให้นึกถึงประโยชน์ที่ว่า พระอภิธรรมจะยังมีให้ได้ยิน และสงสัยว่าท่านสวดอะไร เมื่อสงสัยก็อาจสอบถามเพื่อความรู้และเข้าใจ (สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าใจ) ดังที่ถามอยู่นี่ ก็ดี ก็อนุโมทนาอีกทีครับ

แต่ด้วยความดื้อรั้นของผม ก็ยังเฮ้อ อยู่ดี ความที่อยากเห็นท่านแสดงธรรมบรรยายในงานศพ แต่มาคิดอีกทีหากผู้ที่แสดงธรรม แสดงในสิ่งที่ผิดหรือคิดเอาเอง คงจะไปกันใหญ่สู้พระอภิธรรมล้วนๆ ไม่ได้แน่ คิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งเห็นปัญญาอันล้ำลึกของท่านโบราณาจารย์ดังว่าเสียแล้ว

กราบขออภัย และเลิกคิดละครับ ไปงานศพคราวหน้าจะตั้งใจฟังแล้วน้อมรำลึกในพระคุณจะดีกว่า

ขออนุโมทนาอีกทีครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เจตสิก
วันที่ 7 มี.ค. 2551
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Patikul
วันที่ 21 พ.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ