ขอเชิญรับฟัง ..พื้นฐานพระอภิธรรม

 
chatchai.k
วันที่  2 มี.ค. 2551
หมายเลข  7662
อ่าน  1,379

บางท่านก็เป็นห่วงว่า ท่านฟังธรรมไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรมเลยแต่ตามความเป็นจริงนั้น ในขณะที่ได้ฟังเรื่องของนามธรรมและรูปธรรมโดยละเอียดขึ้น นั่นคือการศึกษาปรมัตถธรรมหรืออภิธรรมนั่นเอง เพราะว่านามธรรมและรูปธรรมเป็นปรมัตถธรรมเป็นอภิธรรม ฉะนั้น เมื่อได้ศึกษาความละเอียด ของนามธรรมและรูปธรรมที่ปรากฏ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ รู้ว่าขณะใดเป็นวิบากจิต ซึ่งเป็นผลของกรรม ขณะใดเป็นกุศลจิต และขณะใดเป็นอกุศลจิตซึ่งเป็นเหตุ ขณะนั้น ก็คือการศึกษาพระอภิธรรมนั่นเอง ข้อความทั้งหมดที่ได้กล่าวถึงแล้วนี้ คือปรมัตถธรรมหรือพระอภิธรรม ซึ่งกล่าวถึงสภาพธรรมโดยส่วนละเอียดต่างๆ และต้องรู้จุดประสงค์ของการศึกษาว่า การศึกษาพระอภิธรรมนั้นเพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อที่จะจำว่า มีจิตกี่ดวง และมีเจตสิกกี่ดวง เกิดกับจิตกี่ดวง แต่เพื่อปรุงแต่งเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพื่อที่จะเข้าใจจริงๆ จนกระทั่งสามารถที่จะละคลายการยึดถือสภาพธรรมทั้งหลายว่าเป็นสัตว์ บุคคลตัวตนได้


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
devout
วันที่ 2 มี.ค. 2551

ศึกษาพระอภิธรรมก็เพื่อให้เข้าถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 2 มี.ค. 2551

ขอแวะอ่านพระสูตร สักปีหนึ่งก่อนนะขอรับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 2 มี.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
shumporn.t
วันที่ 2 มี.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 3 มี.ค. 2551

"การศึกษาพระอภิธรรมนั้น เพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อที่จะจำว่า มีจิตกี่ดวง และมีเจตสิกกี่ดวง เกิดกับจิตกี่ดวง แต่เพื่อปรุงแต่งเกื้อกูล ให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพื่อที่จะเข้าใจจริงๆ จนกระทั่งสามารถที่จะละคลายการยึดถือสภาพธรรมทั้งหลายว่า เป็นสัตว์ บุคคลตัวตนได้.."

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ajarnkruo
วันที่ 3 มี.ค. 2551

การศึกษาพื้นฐานพระอภิธรรมจนเกิดความเข้าใจมั่นคงในความเป็นธรรมะมากขึ้นทั้งในขั้นของการฟังและการพิจารณาในสิ่งที่ได้ฟังย่อมจะเป็นปัจจัยให้ปัญญาเจริญขึ้น และจะอำนวยความสะดวกในการอ่านพระสูตรโดยไม่หลงผิดได้ เพราะพระสูตรมีการกล่าวถึงบุคคลหรือสัตว์ต่างๆ ซึ่งโดยแท้ที่จริงแล้ว ต้องย้อนกลับมาสู่ความเป็นอภิธรรมเพราะการกระทำของบุคคลหรือสัตว์ต่างๆ ที่ทรงกล่าวแสดงไว้ในพระสูตรนั้น ก็ไม่พ้นไปจากจิต เจตสิก รูป นิพพาน นั่นเองครับ...อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
petcharath
วันที่ 3 มี.ค. 2551

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Komsan
วันที่ 3 มี.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 3 มี.ค. 2551

อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 2 โดย devout

ศึกษาพระอภิธรรมก็เพื่อให้เข้าถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้

ขออนุโมทนา


เห็นด้วยเพราะอภิธรรม อยู่ในชีวิตประจำวัน การจะรู้จักอภิธรรม ก็คือขณะนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 3 มี.ค. 2551

อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 6 โดย วันชัย๒๕๐๔

"การศึกษาพระอภิธรรมนั้นเพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อที่จะจำว่า มีจิตกี่ดวง และมีเจตสิกกี่ดวง เกิดกับจิตกี่ดวง แต่เพื่อปรุงแต่งเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพื่อที่จะเข้าใจจริงๆ จนกระทั่งสามารถที่จะละคลายการยึดถือสภาพธรรมทั้งหลายว่าเป็นสัตว์ บุคคลตัวตนได้.."

ขออนุโมทนาครับ


ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ก็คือ อภิธรรมนั่นเอง แต่อาศัยการฟังพระอภิธรรมเพื่อเข้าใจลักษณะของอภิธรรมที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 3 มี.ค. 2551

"แต่อาศัยการฟังพระอภิธรรม เพื่อเข้าใจลักษณะของอภิธรรมที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันครับ" เป็นการที่ควรจะได้ย้ำ (แล้วย้ำอีก) ว่าที่ศึกษากันอยู่นี่ ก็เพราะ "เพื่อเข้าใจลักษณะของอภิธรรม ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน" จริงๆ

ขออนุโมทนาทุกท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ