ไม่ชอบใจ

 
ไกรราช
วันที่  23 ก.พ. 2551
หมายเลข  7474
อ่าน  1,334

จะแก้ไขอย่างไรดีครับ ในแต่ละวันเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจ ก็ไม่พอใจอยู่นาน ทำให้เสียเวลา ทำงาน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 23 ก.พ. 2551

แก้ด้วยการอบรมเจริญปัญญา จนบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งหมดไม่ต้องกลับมาเกิด มาเจอสิ่งที่ไม่น่าชอบใจอีก และมาไม่พอใจอีก ดังนั้นมีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะดับกิเลสทั้งหมดได้ คือการอบรมเจริญปัญญาหรืออริยมรรคมีองค์ ๘ หรือสติปัฏฐานครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
devout
วันที่ 23 ก.พ. 2551

ยิ่งเสพก็ยิ่งสะสม ก็ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจต่อไปอีก หากพิจารณาเรื่องของกรรมและวิบากแล้ว ก็จะไม่คิดเคืองโกรธไม่โทษใครๆ เพราะท่านกำลังรับผลของกรรม และกำลังกระทำกรรมใหม่

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 23 ก.พ. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ฟังธรรม..ทางเดียวครับ

การจะได้ยินเสียง การเห็นสิ่งที่ไม่ดีเป็นผลของกรรมที่ตัวเองทำมา การที่ไม่ชอบใจไม่ใช่เพราะคนอื่นแต่เพราะกิเลสที่มี สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปในขณะนั้น ไม่มีใครทำเรา และไม่มีเราที่ไม่ชอบ มีแต่สภาพ ธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป จะชอบหรือไม่ชอบก็เป็นธรรม บังคับให้พอใจหรือไม่พอใจไม่ได้ตราบใดที่มีกิเลส ขณะที่ทำงาน แม้ขณะที่เสียเวลาทำงาน ไม่ได้ทำงานก็มีธรรม การอบรมปัญญาเพื่อ ดับกิเลสคือ รู้ว่าเป็นธรรม ไม่ว่าขณะไหนก็มีธรรม โดยเริ่มจากการฟังว่าธรรมคืออะไร เราลืมไปว่าเราไม่ได้เสียเวลาเมื่อเกิดโทสะ (ไม่ชอบ) แม้ขณะที่เกิดความยินดีพอใจ (โลภะ) เราก็เสียเวลา เสียเวลามามากแล้วในสังสารวัฏ อบรมปัญญาเพื่อดับกิเลสคือ ไม่ได้หนีไปจากชีวิตประจำวัน มีสิ่งที่ควรให้รู้ แม้ขณะที่เสียเวลาทำงาน ไม่ใช่ให้หลีกหนีความไม่ชอบแต่เข้าใจความจริงว่า ความไม่ชอบคืออะไร? ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ajarnkruo
วันที่ 23 ก.พ. 2551

ฟังพระธรรมแล้วพิจารณาตาม จนเกิดความเข้าใจว่า ที่ไม่ชอบใจก็เป็นสิ่งที่มีจริง บังคับบัญชาไม่ให้เกิดไม่ได้ด้วย เป็นธรรมะชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้น เพราะมีเหตุปัจจัยให้เกิดจึงต้องเกิด แม้จะเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี ก็ยังมีอยู่ ยังไม่ได้ดับความไม่ชอบใจนั้น แต่ท่านไม่มีความเห็นผิดว่า เป็นตัวท่านที่ไม่ชอบใจ ส่วนผู้ที่เป็นเพียงปุถุชน ยังมีความเห็นผิดมากมาย และเหนียวแน่นว่า "เป็นเรา" ไม่ชอบใจ จึงย่อมจะต้องประสบทุกข์มากกว่าพระอริยเจ้า มีหนทางเดียวคือ ฟังพระธรรม จนกระทั่งความเข้าใจที่มากขึ้นนั้น เป็นปัจจัยให้สังขารขันธ์ฝ่ายดี น้อมไปที่จะระลึก ศึกษาถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมะที่เกิด จึงปรากฏในชีวิตประจำวัน ทีละนิดครับ ขณะใดที่เข้าใจ ขณะนั้นเป็นกุศล ทุกข์ใจไม่เกิด ขณะที่เข้าใจเกิดมากขึ้น ทุกข์ใจก็เกิดน้อยลง ค่อยๆ ศึกษาต่อไปครับ...อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พุทธรักษา
วันที่ 25 ก.พ. 2551

จากข้อ ๑. ยากสุดๆ แต่เป็นจุดจบของปัญหาทุกอย่างจริงๆ

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Pornlikit
วันที่ 30 ก.ย. 2564

ขอถามผู้รู้

ถ้าเรายังแก้ที่จิตเราไม่ได้ แค่เจอหน้าก็รู้สึกไม่อยากมอง หงุดหงิดในใจ รู้ตัวทันทีว่าไม่ชอบ อาจจะเพราะเขามีกรรมกับเราหรือเปล่า ยิ่งเราตีตัวออกห่าง เมินเฉย เขาก็ยิ่งมาทำดีด้วย ยิ่งทำให้เรารู้สึกไม่พอใจ เกิดโทสะ ขึ้นมาอีก อย่างงี้เราต้องทำอย่างไรดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ก.ย. 2564

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ