แค่คนธรรมดา

 
เยื่อไผ่
วันที่  6 ก.พ. 2551
หมายเลข  7257
อ่าน  1,269

ฉันเป็นคนหนึ่งที่สนใจที่จะศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะเมื่อศึกษาแล้วทำให้ รู้สึกปล่อยวางได้บ้าง รู้สึกสบายใจขึ้น ตามธรรมดาของคนที่ยังที่ยังมีกิเลสอยู่ เมื่อรู้สึกทุกข์ใจ ดิฉันก็จะอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะและปรัชญาชีวิตต่างๆ และความทุกข์ฉันอีกอย่างก็คือ ขณะนี้ ดิฉันมีคนที่กำลังคบหากันอยู่ซึ่งคบมาได้ปีกว่าแล้ว ตลอดเวลาที่คบกันก็มีสุขบ้างทุกข์บ้างเหมือนคนทั่วไป แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาบอกกับฉันว่าเขาจะออกบวชและออกธุดงอยู่ในป่า ฉันรู้สึกดีใจที่เขาสนใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาและซาบซึ้งในพระพุทธเจ้า ฉันก็ไม่อยากขัดศรัทธาที่เขาจะออกบวช แต่ฉันก็บอกเขาว่าการศึกษาพระธรรมเป็นฆราวาสก็สามารถศึกษาได้ และใช้ชีวิตอย่างฆราวาสที่มีความสุข เพราะมีหลักธรรมยึดเหนี่ยวจิตใจ พ่อแม่ ญาติพี่น้องเขาก็จะสบายใจที่หวังให้เขาศึกษาในระดับที่สูงๆ เพื่อมีหน้าที่การงานที่ดีทำมาหาเลี้ยงชีพได้อย่างไม่เดือดร้อน แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะออกบวช ฉันควรทำอย่างไรดีคะ


Tag  บวช  
  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 7 ก.พ. 2551

ควรแนะนำให้เขาศึกษาพระธรรมและพระวินัยให้เข้าใจก่อนว่า บวชคืออะไร บวชเพื่ออะไร นักบวชจริงๆ คืออย่างไร บวชแล้วจะปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้หรือไม่ มีพระอุปัชฌาย์หรือพระอาจารย์ที่ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยหรือไม่ อะไรเป็นอันตรายแก่สวรรค์และมรรคผล สาระหรือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออะไร ยอมสละชีวิตโดยไม่ก้าวล่วงพระบัญญัติได้หรือไม่ ใจจริงๆ ของเขาต้องการอะไร ธุดงค์ คืออะไร ธุดงค์เพื่ออะไร ถ้าเขาตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็แล้วแต่อัธยาศัยและการสะสมมา เราไม่สามารถห้ามความคิดเขาได้ เพียงแต่แนะนำในสิ่งที่ถูกต้องตามสมควรก็พอ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
น้องนาฏ
วันที่ 7 ก.พ. 2551

เห็นด้วยกับคุณ study ค่ะ ออกจะเข้าใจความรู้สึกของคุณเยื่อไผ่ด้วย เดาจากเรื่องที่คุณเล่า น่าจะอยู่ในช่วงเรียนปริญญาตรีหรือเปล่าคะ (ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษนะคะ) บางทีการศึกษาธรรมะมากๆ ก็อาจเป็นไปได้เหมือนกันที่อยากจะทำอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นซึ่งไม่เห็นว่า ตัวเองมีหน้าที่ความรับผิดชอบหรือหนักแน่นกับตัวเองมากแค่ไหน ดิฉันเคยศึกษาพระอภิธรรมหนักๆ แล้วรู้สึกอยากออกบวช อยากนิพพาน เกลียดตัวเองซึ่งเป็นที่ประชุมของรูปและนามที่ไม่เที่ยงและน่าขยะแขยง แต่เป็นไปได้พักหนึ่งก็หายไป เมื่อเราพิจารณาความจริง บางทีคุณเยื่อไผ่อาจจะแนะนำคนรักของคุณอย่างที่คุณ study บอกนะคะ แต่ถ้าอยู่ในช่วงวัยเรียน การบวชปิดเทอมใหญ่ ๒ - ๓เดือนก็ดีนะคะ เพราะได้ทดแทนคุณพ่อแม่ด้วย ทำให้เขาได้รู้จักชีวิตของภิกษุด้วยและหลังจากใช้ชีวิตได้ระยะหนึ่ง เขาน่าจะบอกได้ว่าเขายังอยากจะบวชต่อไป ตลอดชีวิตหรือไม่ ถ้าพูดเรื่องบวชตลอดชีวิต ตอนนี้อาจจะเป็นการตัดสินใจเร็วเกินไปก็ได้ เพราะเรายังไม่รู้สภาพชีวิตของการบวชมากพอ และใจเราเข้มแข็งแค่ไหน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
พุทธรักษา
วันที่ 7 ก.พ. 2551

จากข้อ ๑ แล้วแต่อัธยาศัยและการสะสมมา เราไม่สามารถห้ามความคิดเขาได้เพียงแต่แนะนำในสิ่งที่ถูกต้องตามสมควรก็พอ ขออนุโมทนาในคำแนะนำดีๆ ที่มีให้ตลอดมาค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 8 ก.พ. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
lichinda
วันที่ 10 ก.พ. 2551

อ้างอิง ข้อความของคุณ เยื่อไผ่ " เขาจะออกบวชและออกธุดงค์อยู่ในป่า ก็ไม่อยากขัดศรัทธาที่เขาจะออกบวช พระธรรม เป็นฆราวาสก็สามารถศึกษาได้ พ่อแม่ญาติพี่น้องเขาก็จะสบายใจที่หวังให้เขาศึกษาในระดับ ที่สูงๆ เพื่อมีหน้าที่การงานที่ดีทำมาหาเลี้ยงชีพ แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะออกบวช ฉันควรทำ อย่างไรดีคะ "

ถ้าเปิดหน้ากันมาอย่างนี้ จะหาทางออกอย่างไรดี ก็ต้องวินิจฉัยการบวชในสมัยนี้ก่อน ดังนี้ ที่เขาบวชกันเป็นเจ้าคุณก็มี ขออนุโมทนาครับ เป็นพระเกจิก็มี ที่รดน้ำมนต์เสกเป่า ใบ้หวยก็มี ที่เขาบวชอย่างหลวงตาก็มี เป็นพระที่เคยเป็นคนบ้านนั้นๆ มาก่อน มีญาติพี่น้องอุปถัมภ์ แต่ถ้ามาจากที่อื่น ก็ต้องใช้เวลา ให้คนนับถือศรัทธา จึงจะอยู่ได้ดีมีสำนักปฏิบัติ ที่หลงเอาสมถภาวนาเป็นวิปัสนาก็มี ที่เป็นสมถะล้วนๆ ก็มี ต้องปฏิบัติเคร่งสอนญาติโยมได้ และทางวัดเขารับให้อยู่ตลอดชีวิตก็ดี จงบวชเถิด ที่ออกธุดงค์ไม่ค่อยเห็นมีนะ นอนในป่าตากแดด ตากฝน เจ็บ ป่วย สัตว์ร้ายต่างๆ สละสังขารได้ไหม ยังอาลัยตัวเองอยู่ไหม ถ้าสละชีวิตได้ ก็ดี บวชแล้วออก ธุดงค์ไปเลย ไปอยู่ตามป่า หาเผือก มัน ฉันเป็นอาหาร เที่ยวบิณฑบาตรตามบ้านป่า ไม่ต้องอยู่วัด แต่ผมว่าป่าจริงๆ จะอยู่ไม่ได้ อาจเป็นชายป่า ไม่ห่างหมู่บ้าน เพื่อบิณฑบาตร แต่ออกธุดงค์ แล้วก็ต้องกลับวัด แต่ส่วนมากบวชแล้วจะอยู่วัด อยู่กับหมู่สงฆ์ แบบอาชีพพระ สวดมนต์ไหว้พระ รับกิจนิมนต์ อ่านหนังสือเจ็ดตำนานเก่าๆ ขาดแล้วขาดอีก พระไตรปิฎกอยู่ในตู้ติดกุญแจ เปิดอ่านก็ไม่เข้าใจ ปวดหัว หิวข้าว นอนก็ร้อน ไม่มีแอร์ ต้องกวาดถูกุฎีเอง ตัดหญ้า ซักผ้าสบง จีวร ยอมจีวรสีกรัก เวลามีงานวัด ไม่มีแรงงาน ก็พระนั่นแหละช่วยกันพัฒนา ทาสี เก็บกวาด เตรียมต้อนรับกฐิน ผ้าป่า บางวัดก็มีไอ้พวกขี้ยาเข้ามาหลบซ่อน บางที่ขโมยของวัด รีดไถพระ ก็มี ดีไม่ดีมีเรื่องกับไอ้พวกขี้ยาบางที่ทะเลาะกับพระด้วยกันเองก็มี ที่จะมีสีกา นางฟ้า อัปสรแปลงกายมาถวายภัตตาหารไม่มีหรอกนะ ขอแนะนำว่าให้ลองไปอยู่วัดใกล้บ้านก่อน เดินตามพระบิณฑบาตร เรียนธรรมะกับพระที่วัด ถ้าศรัทธายังมั่นคง จงบวชเถิด ถ้าไม่ใช่ก็อย่าเลย เป็นฆราวาสศึกษาธรรม ให้ทาน รักษาศีล สร้างกุศล ชาติหน้าจะได้บวชตั้งแต่เป็นสามเณร เรียนสอบธรรมเปรียญ ธรรม ๙ ประโยคเป็น เจ้าคุณ ศึกษาพระไตรปิฎกให้แตกฉาน เทศนาสั่งสอน ขัดเกลาสังคม ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Sam
วันที่ 11 ก.พ. 2551

เข้าใจว่าคุณเยื่อไผ่คงจะเป็นกังวลใจและต้องการคำแนะนำว่าควรทำอย่างไรดี ก่อนอื่นควรเข้าใจว่าแต่ละบุคคลได้สะสมอุปนิสัยมาต่างๆ กัน แม้แต่เราเองยังไม่สามารถบังคับตัวเองให้ทำสิ่งที่ควรได้ตลอดเวลา การจะบังคับผู้อื่นให้เป็นไปตามใจชอบย่อมเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ธรรมทั้งหลายจะควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้ แต่หากเจริญเหตุอันสมควร ผลที่ดีย่อมตามมาได้ ในกรณีนี้ เข้าใจว่าคุณเยื่อไผ่คงได้พูดคุยกับเพื่อนผู้นั้นมาพอสมควรแล้ว ดังนั้น ผมเห็นว่าควรพาเขาไปที่มูลนิธิฯ ให้ได้รับฟังความคิดเห็นของท่านผู้รู้หลายๆ คน หากเขาสะสมอัธยาศัยมาที่จะเข้าใจคำอธิบายของท่านหนึ่งท่านใดก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องได้ ผมมั่นใจว่าท่านผู้รู้ของมูลนิธิฯ พร้อมที่จะแนะนำให้เกิดความเห็นที่ถูกต้อง แม้แต่ผู้ที่รู้บ้างไม่รู้บ้างเช่นผมก็ยินดีให้ความคิดเห็นครับ ในฐานะที่เมื่อก่อนก็เคยรู้สึกอยากปลีกตนจาก สังคมไปบวชเช่นกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
พุทธรักษา
วันที่ 11 ก.พ. 2551

ขออนุโมทนาและเห็นด้วยกับคุณ k เป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะการจะลงมือทำสิ่งใด ต้องมีความเข้าใจในสิ่งนั้นก่อนโดย การฟังคำแนะนำจากผู้รู้ (หาข้อมูล) เพื่อประกอบการพิจารณา การฟังพระธรรมวินัยจากผู้ศึกษาโดยตรงจากพระไตรปิฎกค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Nareopak
วันที่ 11 ก.พ. 2551

ขอโอกาสแสดงความเห็นนะค่ะ หากเขายังมีความคิดที่ยังอยากจะบวชอย่างแรงกล้าแต่ยัง ศึกษาอยู่ ควรต่อรองให้ปิดเทอมหรือปิดภาคเรียนก่อน ไม่ทราบว่าเขามีพระอาจารย์ที่เคารพ นับถือจนเกิดความเลื่อมใสทำให้คิดที่จะออกบวชหรือไม่ ฯลฯ เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเรื่องการสะสมและเหตุปัจจัยของแต่ละคน ไม่มีใครทราบคำตอบได้ล่วงหน้าว่าอนาคตข้างหน้าของเขาจะเป็นอย่างไรถ้าได้บวช จึงทำให้เกิดความกังวลใจและคิดว่าคุณเยื่อไผ่ ก็คงมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย ขอยกตัวอย่างกรณีน้องชายของดิฉัน เขาไม่ค่อยสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับทางธรรมมากนัก สนใจแต่เรื่องค้าขายและนับถือเทพ หลังจากที่ได้เป็นผู้ขับรถพาดิฉันไปสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ที่ดิฉันเคารพนับถือหลายครั้งหลายหน โดยที่เขาเองก็จะไม่ค่อยเข้ามาร่วมวงสนทนาธรรมด้วยสักเท่าไหร่ เพราะฟังไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่เมื่อเข้าพรรษาที่ผ่านมาไม่ทราบว่าศรัทธาของเขาเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เขาพูดขึ้นมาว่าจะขอบวช ทุกคนก็ยังงงๆ แต่ก็อนุโมทนาซึ่งตอนแรก เขาตั้งใจว่าจะบวชเพียงเดือนเดียว เพราะเป็นห่วงงานและรายได้ แต่แล้วเขาก็สามารถบวชได้จนครบพรรษาและช่วงที่เขาอยู่ในเพศบรรพชิตเขาก็เปลี่ยนไปมาก มีการสำรวมและคอยปรณนิบัติพระอาจารย์ ดิฉันจึงเชื่อในเรื่องของการสะสมในอดีตชาติและเหตุปัจจัยเป็นอย่างยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 11 ก.พ. 2551

ยุคนี้ก็เป็นกาลวิบัติ ถ้าอุปัชฌาย์อาบัติปาราชิก แล้วไปบวชกับอุปัชฌาย์นั้น บวชไปก็ไม่เป็นพระภิกษุ ถ้าบวชแล้วไม่ประพฤติตามธรรมะวินัย มีโทษมากทำให้ตกนรก เช่น อาบัติปาราชิกแล้วไม่ศึก นอกจากจะเป็นเครื่องกั้น มรรค ผล นิพพาน ยังทำให้ตกนรกด้วย เป็นคฤหัสถ์ที่ดียังเป็นยาก แต่การเป็นบรรพชิตที่ดีเป็นยากกว่าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พุทธรักษา
วันที่ 12 ก.พ. 2551

ถึงแม้ว่าจะสละเพศคฤหัสถ์เป็นบรรพชิตแล้ว แต่ถ้ายังมีความติดความพอใจในกามคุณ ๕ เหมือนคฤหัสถ์ ก็ไม่มีความต่างกันเลยระหว่างบรรพชิตและคฤหัสถ์ ฉะนั้น "เนกขัมมบารมี" จริงๆ ไม่ได้หมายความเฉพาะการสละเพศคฤหัสถ์สู่บรรพชิต แต่จะต้องหมายถึง การเพียรที่จะละคลายความติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฐัพพะ ซึ่งทุกคนยังมี "ตราบใดที่ยังไม่บรรลุคุณธรรมเป็นพระอนาคามีบุคคล" จึงต้องรู้จักตนเองตามความเป็นจริงว่า มีความมั่นคง มีความจริงใจ มีความ ไม่หวั่นไหวที่จะละคลายการติดในกามคุณ ๕ ลงบ้างไหม จากหนังสือ "บารมีในชีวิตประจำวัน"

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
shumporn.t
วันที่ 12 ก.พ. 2551

แนะนำให้ฟังธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์มากๆ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ