อุตตรเถรคาถา .. เดินคนละเส้นทาง

 
khampan.a
วันที่  25 ธ.ค. 2550
หมายเลข  6674
อ่าน  1,288

[เล่มที่ 51] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ 2

ข้อความบางตอนจาก...
อุตตรเถรคาถา
อุตตระ (บุตรของพราหมณ์มหาศาล) บรรลุนิติภาวะแล้ว ถึงความสำเร็จในวิชชาของพราหมณ์ เป็นผู้เกิดมาทำโลกให้เจริญโดยรูป โดยวิชา โดยวัย และโดยศีลาจารวัตร. มหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธ ชื่อว่า วัสสการะ เห็นสมบัติ นั้นของเขาแล้ว เป็นผู้มีความประสงค์จะยกธิดาของตนให้ แจ้งความประสงค์ของตนแล้ว. เขาปฏิเสธความหวังดีนั้นเพราะความเป็นผู้มีอัธยาศัย น้อมไปในพระนิพพาน เข้าไปนั่งใกล้พระธรรมเสนาบดี ฟังธรรมในสำนักตามเวลาที่เหมาะสม ได้เป็นผู้มีศรัทธาบวชแล้ว เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยวัตรปฏิบัติพระเถระ. ก็โดยสมัยนั้น อาพาธบางอย่างเกิดแก่พระเถระ. เพื่อจะจัดยาถวายพระเถระ


อุตตรสามเณร จึงถือเอาบาตรจีวรออกจากวิหาร ไปแต่เช้าทีเดียว วางบาตรไว้ที่ริมฝั่งทะเลสาบ ในระหว่างทางเดินไปใกล้น้ำแล้วล้างหน้า. ลำดับนั้น โจรทำลายอุโมงค์ คนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ติดตาม หนีออกจากพระนครโดยทางประตูด้านหน้านั่นแหละ ใส่ห่อรัตนะที่ตนลักมาไว้ในบาตรของสามเณรแล้วหนีไป. สามเณรเดินเข้าไปใกล้บาตร พวกราชบุรุษที่ติดตามโจรมา เห็นห่อของ ในบาตรของสามเณร จึงกล่าวว่า สามเณรนี้เป็นโจร สามเณรนี้ประพฤติเป็นโจร แล้วจับสามเณรมัดมือไพล่หลัง ส่งให้วัสสการพราหมณ์. ก็ในครั้งนั้น วัสสการพราหมณ์ ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งผู้วินิจฉัยคดีของพระราชาสั่งการลงโทษประหารและทรมานได้. เขาไม่ยอมไต่สวน ทวนพยานเลยสั่งให้เอาหลาวเสียบประจานสามเณรทั้งเป็นๆ เพราะผูกอาฆาตว่า เมื่อก่อนสามเณรไม่เอื้อเฟื้อคำของเรา ไปบวชในลัทธินอกรีตนอกรอย.

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรวจดูความแก่รอบแห่งญาณของอุตตร-สามเณรแล้ว เสด็จไปสู่ที่นั้น ทรงวางพระหัตถ์ ซึ่งมีพระองคุลียาวอ่อนนุ่ม คลุมด้วยเปลวรัศมี ประดุจสายธารทองคำสีแดงธรรมชาติ ที่กำลังหลั่งอยู่ เพราะประกอบด้วยรัศมีสีขาวแพรวพราวไปด้วยแสงแห่งแก้วมณี ที่นิ้วมืออันสั่นพริ้วอยู่บนศีรษะของอุตตรสามเณร แล้วตรัสว่า ดูก่อนอุตตระ นี้เป็นผลของกรรมเก่า เกิดขึ้นแล้วแก่เธอ เธอต้องทำความอดกลั้น ด้วยกำลังแห่งการพิจารณา ในผลของกรรมนั้น ดังนี้ แล้วทรงแสดงธรรมตามสมควรแก่อัธยาศัย. อุตตรสามเณรกลับได้ปีติ และปราโมทย์อันโอฬาร เพราะความเป็นผู้มีความเลื่อมใส และโสมนัสอันเกิดแล้ว ด้วยสัมผัสแห่งพระหัตถ์ของพระศาสดา คล้ายกับทรงราดรดด้วยน้ำอมฤต ก้าวขึ้นสู่วิปัสสนามรรค ตามที่สั่งสมไว้ ยังกิเลสทั้งปวงให้สิ้นไปแล้วตามลำดับแห่งมรรค ในทันใดนั้นเอง เพราะถึงความแก่รอบแห่งญาณ และเพราะเทศนาอันงดงามไพเราะของพระศาสดา.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 25 ธ.ค. 2550

ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คล่ำ บอกทางแก่คนหลงทาง ฯลฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แช่มชื่น
วันที่ 25 ธ.ค. 2550

ชีวิตจริงของปุถุชนในยุคนี้ ดูไปก็คงคล้ายๆ กับเหตุการณ์ในสมัยครั้งพุทธกาลครับ แต่ความเชื่อมั่นคงในเรื่องผลของกรรม คุณธรรมต่างๆ โดยเฉพาะ ปัญญา ก็กล่าวได้ว่าต่างกันมาก ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญาก็ย่อมไม่เห็นโทษของอกุศลจริงๆ และไม่อาจจะเห็นความไม่ดีที่ตนได้สะสมมาในอดีตจนเป็นอุปนิสัย ที่จะเป็นผู้จองเวร ให้อภัยผู้อื่นได้ยากจึงไม่อาจจะเป็นผู้ที่มีปรกติอยู่ด้วยเมตตาได้ และเมื่ออกุศลนั้นมีกำลังมากขึ้นๆ ก็ย่อมสามารถจะชักนำให้กระทำอกุศลกรรมบถ เช่น ประทุษร้ายในทรัพย์ ญาติมิตร หรือชีวิตของผู้อื่นครับเหตุนี้ ผู้ที่มีปัญญา ไม่พึงประมาทในการเจริญกุศลทุกประการแม้เพียงน้อย เพราะขณะใดที่จิตไม่เป็นกุศล ขณะนั้นจิตย่อมเป็นหนี้ คือ เป็นอกุศลครับ ถ้าใครมาทำอะไรไม่ดีให้ ก็ควรที่เราจะได้ระลึกถึงผลกรรมของตนเองในอดีต เพราะไม่มีใครทำให้ เรานั่นแหละที่ทำเอง และขณะที่ปัญญาและกุศลบริวารเกิด ขณะนั้นเราก็จะไม่โทษว่าเป็นเพราะใคร จิตก็ย่อมน้อมไปที่จะให้อภัยได้ทันที เพราะเล็งเห็นแล้วว่า...การอดทนอดกลั้น ไม่ผูกเวรย่อมดีกว่า จิตที่เป็นกุศลนั้นผ่องแผ้ว และไม่ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจอีกภายหลังครับขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
saifon.p
วันที่ 25 ธ.ค. 2550
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pornpaon
วันที่ 25 ธ.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะหลายพระสูตรที่อ่าน ยิ่งอ่านก็ยิ่งกลัวผลของกรรม เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทำอกุศลกรรมมาต่างๆ มากมายเพียงไร กว่าจะรู้ก็เมื่อผลนั้นแสดงตนแล้วนั่นแหละ ส่วนผู้ที่ผลแห่งอกุศลกรรมเกิดขึ้นกับตนแล้วยังไม่รู้สึก สำนึกไม่ได้ แสดงว่าความเห็นผิดของเขานั้นลึกเกินหยั่ง คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามผลของกรรมในบุคคลนั้นๆ เอง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 25 ธ.ค. 2550
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
devout
วันที่ 28 ธ.ค. 2550

ขอกราบนอบน้อมในน้ำพระทัย ที่เปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณา ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 3 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ