เราอยู่คนเดียวในโลก!

 
แล้วเจอกัน
วันที่  25 พ.ย. 2550
หมายเลข  5665
อ่าน  2,073

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เราอยู่ในโลกคนเดียว!

จริงๆ นะคะ เราเกิดมาในโลกคนเดียวหรือเปล่า เวลาเราเห็น เราเห็นคนเดียวหรือเปล่า จิตหนึ่งขณะค่ะ ไม่เป็นของใครเลย แต่หลังจากเกิดแล้วมีเห็น จำ จำได้ว่าเป็นคน เป็นหลายๆ อย่าง เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วอยู่คนเดียวในโลกกับความคิดของตัวเอง หลังเห็นแล้วแต่ว่าเราจะคิดอะไรใช่ไหมคะ จะคิดถึงเพื่อน จะคิดถึงญาติจะคิดถึงอะไรก็แล้วแต่ แสดงว่าขณะที่คิดเนี่ยค่ะ เหมือนมีหลายคนทั้งโลก ทั้งประเทศ แต่ความจริงหนึ่งขณะจิตที่คิด

เพราะฉะนั้น จริงๆ ถ้าเข้าใจธรรม จะเข้าใจความหมายที่ว่าอยู่คนเดียวในโลก ในโลกมืดหรือโลกสว่าง มาอีกแล้ว ที่อยู่คนเดียวเนี่ยค่ะ อยู่ในโลกที่มืดหรือในโลกที่สว่าง

สหายธรรมทุกท่านลองคิดพิจารณาดูครับ คำบรรยายจากท่านอ.สุจินต์ วันอาทิตย์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ สุดท้าย แม้ความคิดก็ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 9  
 
อิสระ
วันที่ 26 พ.ย. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 26 พ.ย. 2550

จริงๆ แล้ว เราก็ไม่มี มีแต่ธัมมะที่เกิดดับตามเหตุปัจจัย และเป็นอนัตตา (ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้)

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 26 พ.ย. 2550

อนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
olive
วันที่ 26 พ.ย. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
wannee.s
วันที่ 26 พ.ย. 2550

เราทุกคนอยู่ในโลกของความคิดนึก แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็อยู่ในโลกของความคิดนึก เช่นกันค่ะ



 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
แช่มชื่น
วันที่ 26 พ.ย. 2550

ปรมัตถอารมณ์ทางมโนทวารแสนสั้น วาระจิตหลังจากนั้นก็เป็นจิตคิดที่มีบัญญัติอารมณ์ครับ จิตคิดเกิดแล้วก็ดับไปหลายขณะ เร็วจนทำให้เราเห็นผิด ปะติดปะต่อการเห็น การได้ยิน การคิดนึก และสภาพธรรมต่างๆ ว่าเกิดพร้อมกัน เราคิดว่า เราอยู่กับผู้คน แต่แท้ที่จริง แม้แต่ เราที่จะอยู่ตัวคนเดียวได้ก็ไม่มีเลย เพราะรูปที่ประชุมรวมกันที่กายก็เกิดดับตามสมุฏฐานของรูป ส่วนจิตและเจตสิกก็เกิดดับสืบต่อกันตามเหตุปัจจัย แต่ลึกๆ แล้วก็ยังมีสิ่งที่ยึดไว้ ว่าตัวเรา ใจเรามีอยู่ ยังไม่เห็นแจ้งจริงๆ ว่าเป็นธรรมะ

สิ่งนั้นก็คือ ความเห็นผิดที่เกิดจากเชื้อกิเลสที่ยังไม่ได้ดับ "ทิฏฐานุสัย" ที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดานนั่นเองครับ จนกว่าเราจะได้ฟังพระธรรมและอบรมเจริญปัญญารู้ความจริงอย่างที่เป็นเพื่อคลายความเห็นผิดต่างๆ ลง และเมื่อเป็นพระโสดาบันก็จะดับความเห็นผิดทุกอย่างได้เป็นสมุจเฉทครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
jurairat
วันที่ 26 พ.ย. 2550

ถ้าไม่ได้มาอ่านตรงนี้ก็หลงลืมไปอีก สติไม่เกิดมีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ขออนุโมทนากับทุกท่านที่มีความเพียรนำสิ่งที่ดีมาให้คิดพิจารณา มาตักเตือนให้เจริญสติเจริญปัญญาไม่ให้หลงไปกับสิ่งต่างๆ ที่ปรากฎแต่ให้รู้จักธรรมะที่มีจริงทั้ง ๖ ทวาร แต่ไม่ใช่ของง่ายเลย แข็งก็มี รู้แข็งก็มี ถามใครก็ไม่มีใครบอกได้ว่าแตกต่างกันตรงไหนอย่างไร ต้องเพียรระลึก ศึกษาเองซึ่งปรากฎบ่อยๆ ทั้งวันทางกายและเป็นธรรมะอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง รู้เพราะฟัง แต่ยังไม่รู้ชัด จึงอยากฟังความคิดเห็นของท่านทั้งหลายที่เข้าใจธรรมให้ช่วยแจกแจงให้ละเอียด อีกทีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
orawan.c
วันที่ 27 พ.ย. 2550

ฟังพระธรรมให้เข้าใจบ่อยๆ เนืองๆ จนเกิดสัญญาที่มั่นคงว่า ธรรมะ คือสิ่งที่มีจริง เช่น เห็นสิ่ง ที่ปรากฎทางตา ได้ยินเสียง คิดนึก ฯลฯ เกิดดับอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะประมาณได้ และเกิด ดับตามเหตุปัจัย เป็นอนัตตา (ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด บังคับบัญชาไม่ได้) และรายละเอียดของธรรมะโดยนัยต่างๆ เช่น จิต เจตสิก รูป ขันธ์ ๕ ธาตุ ๑๘ อายาตนะ ๑๒ อริยสัจ ๔ ฯลฯ เพื่อเข้าใจสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ โดยสามารถฟัง อ่าน สนทนาได้จาก เว็ป.นี้ ซึ่งมีข้อมูลให้ศึกษาค้นคว้ามากมายในเมนูต่างๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 27 พ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ปัญญาขั้นการฟังที่รู้ว่าธรรมคืออะไร อยู่ในขณะนี้ เป็นความเข้าใจถูกขั้นการฟัง ยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธัมมะจริงๆ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา แต่ความเข้าใจขั้นการฟังที่ถูกต้องนี้เองที่จะทำให้สติเกิดระลึกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา แต่เมื่อไหร่และตอนไหน แล้วแต่เหตุปัจจัย จึงไม่ทอดทิ้งการฟังพระธรรม ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
saifon.p
วันที่ 27 พ.ย. 2550
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
aditap
วันที่ 27 พ.ย. 2550

ขออนุโมทนาคับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
wannee.s
วันที่ 28 พ.ย. 2550

แข็งมีจริงในขณะนี้ รู้แข็งก็มี ต่างกันตรงที่ปัญญารู้ ไม่ใช่เรารู้ เริ่มศึกษา เริ่มอบรม เริ่มระลึก ในตอนแรกไม่มีใครรู้ชัดหรอก ถ้ารู้ชัดก็บรรลุเป็นพระโสดาบันกันหมดแล้ว เพียงเริ่มต้น ให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ แต่เพราะเราสะสมความไม่รู้มากมายในสังสารวัฏ เราก็ชินกับความเป็นตัวตน เป็นเราไปหมดค่ะ เริ่มระลึกในตอนแรกยังไม่สามารถรู้รูปธรรม (แข็ง) นามธรรม (รู้แข็ง) ว่าต่างกันอย่างไร เพียงแต่ให้รู้ว่าเป็นธรรมะที่มีจริงปรากฏนิดเดียวสั้นมาก แล้วก็ดับไป ระลึกตรงลักษณะแข็งในขณะนั้น จะไม่ปนกับทวารอื่นเลยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
h_peijen
วันที่ 28 พ.ย. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
jurairat
วันที่ 28 พ.ย. 2550

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ช่วยชี้แจงแสดงเหตุผล ก็ต้องฟังกันต่อไปและค่อยๆ ระลึกศึกษาสภาพธรรมที่กำลังปรากฎทีละเล็กทีละน้อยเมื่อสติเกิด

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
algiz
วันที่ 29 พ.ย. 2550
อนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
arin
วันที่ 30 พ.ย. 2550
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
Komsan
วันที่ 1 ธ.ค. 2550
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
pornpaon
วันที่ 29 ต.ค. 2551

มาคนเดียว อยู่คนเดียว คิดคนเดียว ทุกข์สุขคนเดียว ไปคนเดียว

ขออนุโมทนาคุณแล้วเจอกัน

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
suwit02
วันที่ 30 ต.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
เมตตา
วันที่ 30 ต.ค. 2551
ขอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 29  
 
chatchai.k
วันที่ 9 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 30  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 16 ส.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ