ไม่ใช่ไปจำเรื่องราว แล้วไปหาชื่อ

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  17 ธ.ค. 2568
หมายเลข  51662
อ่าน  152

การฟังธรรม ไม่ใช่ไปจำเรื่องราว แล้วไปหาชื่อ แต่ให้รู้ว่าธรรมคือสิ่งที่กำลังปรากฏ และไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจ แต่เมื่อฟังแล้วก็จะรู้ว่าที่ใช้คำว่า “ธรรม” เพราะว่าธรรมไม่มีเจ้าของ ไม่เป็นของใคร ใครจะบอกว่าธรรมเป็นของแต่ละคนนั้นก็ผิด เพราะว่าธรรมเกิดแล้วก็ดับไปไม่เหลือเลยตั้งแต่เกิดจนตาย จะเห็นได้ว่าเมื่อจากโลกนี้ไป ขณะนั้นจะเหลืออะไร

แสดงให้เห็นว่า การฟังธรรม คือ ให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ โดยที่ว่าขณะนี้ได้ยินคำว่า “ธรรม” แล้ว เข้าใจสิ่งที่ปรากฏว่าเป็นธรรมหรือยัง แม้ว่าจะรู้โดยการฟังว่าเป็นธรรม เกิดแล้วปรากฏ เกิดแล้วดับไปด้วย ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้ เพราะฉะนั้นขณะที่กำลังฟังขณะนี้ ให้ทราบว่า ความเห็นถูกต้องทีละเล็กทีละน้อยที่ทำให้ไม่ลืมเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่ง แทนที่จะคิดเรื่องอื่น ก็สามารถที่จะระลึกได้แล้วเข้าใจว่าขณะนี้สิ่งที่กำลังปรากฏเป็นอย่างนั้นจริงๆ คือ เพียงปรากฏแล้วก็หมดไป

อย่างสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ปรากฏแล้วแน่นอน เกิดแล้วปรากฏ แล้วก็หมดไปด้วย แต่ไม่รู้ เมื่อไม่รู้จึงฟังต่อไป เพื่อให้ปัญญาสามารถเห็นถูกยิ่งขึ้นในสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่ให้ไปใช้คำอื่นที่ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ปรากฏได้ แต่ที่ใช้คำภาษาบาลีเพราะเหตุว่าเป็นคำที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงถึงลักษณะของสภาพธรรมในภาษาชึ่งคนยุคนั้นพูดอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นคนยุคนั้นก็ไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ไม่ว่าจะใช้ภาษาอะไรก็สามารถเข้าใจธรรมที่มีจริงที่กำลังปรากฏได้ แต่ต้องเข้าใจตามลำดับขั้น เช่น เข้าใจจริงๆ ว่าเป็นธรรม จะลืมไหม หรือจะมีคำถามอื่นๆ หรือไม่ หรือว่าเมื่อฟังแล้วไม่ลืม รสปรากฏ ระลึกได้ เป็นธรรม นี่คือประโยชน์ของการฟัง ไม่ใช่ให้ฟังเฉยๆ ฟังไปเรื่อยๆ แล้วก็ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรม แต่เมื่อฟังว่า ธรรมก็คือรส ธรรมก็คือเสียง ธรรมก็คือแข็ง ธรรมก็คือทุก สิ่งทุกอย่างที่มีในชีวิตประจำวัน จากการฟังจะทำให้สามารถรู้ลักษณะที่เป็นธรรมด้วยความเห็นที่ถูกต้อง

ใช้คำเพื่อให้เข้าถึงความจริงของธรรม ภาษาอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่หมายความว่าเราไปเรียนชื่อ แล้วก็ไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นธรรม อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร

พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 463


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ