ฟังเพื่อเข้าใจแล้วละ ไม่ใช่เพื่อติดข้อง ... สนทนาธรรมที่บ้านซอยพัฒนเวศม์ เช้า 15/12/68

มหาสมุทรลึกเหลือเกิน อวิชโชฆะจะข้ามไหวไหมนี่?! ฟังอย่างนี้เมื่อเข้าใจจึงละ ละความหวังและความต้องการ
ทุกวันๆ ก็อยู่กับโลภะนั่นแหละ เพิ่มขึ้นๆ ๆ ไม่ต้องสงสัย ฟังแล้วก็ยังเป็นโลภะ เพราะกำลังไม่รู้เพิ่มขึ้น
เริ่มรู้จักพระพุทธเจ้า เริ่มรู้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เราเป็นธรรมะ ... เคยรู้ไหม?! ยอมรู้ไหม?! ... ยอมก็ไม่รู้ไม่ยอมก็ไม่รู้ ... ไม่รู้ทั้งนั้น ... จนกว่าจะรู้ ... นานแค่ไหน??
รู้จักพระพุทธเจ้าแค่ไหน? ... ว่าตรัสรู้สิ่งที่ได้ฟังซึ่งเป็นความจริงที่ได้ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
ฟังเพื่อเข้าใจแล้วละ ไม่ใช่เพื่อติดข้อง
รู้ว่ามีเรา ... ไม่ถูกใช่ไหม เพราะฉะนั้นละความคิดที่มีเรานั่นแหละถูก แน่นอนว่ายังไม่ได้ละเรา แต่ละความคิด!!
ยุคนี้สมัยนี้ยากแสนยากที่จะได้ฟังธรรมะเห็นว่าลึกซึ้งจนกระทั่งรู้จักพระคุณของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่ได้ยินได้ฟังเลยเป็นยังไง ... คิดดู เพราะฉะนั้นต้องฟังด้วยความเคารพจริงๆ ว่ายาก ลึกซึ้ง ละเอียด ไม่ใช่จะรู้ได้โดยง่าย ... นั่นแหละถูกต้อง ... เริ่มเข้าใจถูก
หนทางที่จะละความคิดว่าเป็นเราคือฟังและเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่มีทาง ... หนทางเดียวเท่านั้น
เมตตา : หนทางก็ลึกซึ้งมาก จึงเห็นถึงคุณของบารมีต่างๆ ขาดไม่ได้เลย ต้องอดทนสะสมบารมีต่างๆ อดทนที่จะฟัง มีความเพียร มีความตรงต่อความจริงสัจจบารมีมั่นคงในความจริง กว่าจะค่อยๆ ฟันฝ่าอกุศลในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่อาศัยบารมีก็เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะค่อยๆ มานั่งฟังความจริงเดี๋ยวนี้ก็ยากแสนยาก ... ก็เริ่มเห็นประโยชน์ ... ถ้าไม่เริ่มก็ ...
ทอจ : อีกไกลไหม?
เมตตา : แสนไกล
ทอจ : ขึ้นอยู่กับว่ารู้แค่ไหน ... จนกว่าจะหมดความเป็นเรา ความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด
เพราะฉะนั้นคำว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่ฟังเฉยๆ จำเฉยๆ แต่ต้องถึงความละเอียดความลึกซึ้ง ต้องมั่นคงว่าเป็นธรรมะ ต้องไม่เป็นอะไรอื่นทั้งหมด
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


