สาตถกสัมปชัญญะป้องกันอกุศลทั้งปวง

อ.ธนากร: ลึกซึ้งอย่างยิ่งเลยครับ เพราะว่าพอท่านอาจารย์พูดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดเลย ก็คือความเข้าใจพระธรรมะ แล้วก็มีสิ่งที่ท่านอาจารย์ใช้คำว่า ไม่เป็นประโยชน์เลยครับซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ข้ามครับ เพราะว่ายังไม่เห็นว่า สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็คืออกุศลต่างๆ ครับ ไม่เป็นประโยชน์เลยครับ
ท่านอาจารย์: ตั้งแต่เช้าตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร ตรงไหนเป็นประโยชน์?
อ.ธนากร: โอ้โห!! ไม่เป็นประโยชน์เลยครับเมื่ออกุศลเกิด
ท่านอาจารย์: หาประโยชน์ไม่ได้เลยสักหนึ่งขณะในวันหนึ่งๆ ถ้าขณะนั้นไม่รู้ว่า ประโยชน์จริงๆ แม้เพียงเล็กน้อยก็จะต้องค่อยๆ สะสมไปเพื่อประโยชน์ใหญ่ ถ้ายังปล่อยให้อกุศลมากมายเพิ่มเติมเกิดแล้วเกิดอีก
ดูโทรทัศน์ วิพากวิจารณ์ต่างๆ อกุศลหรือกุศล?
อ.ธนากร: อกุศลครับ
ท่านอาจารย์: เห็นประโยชน์ไหมว่า ต้องไม่มีดีกว่า เห็นไหม?!
อ.ธนากร: ใช่ครับๆ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทุกคนมองข้ามเหมือนเล็กน้อยไม่มีอะไร เพราะไม่ใช่สาตถกสัมปชัญญะ ไม่ได้เห็นประโยชน์จริงๆ แม้เพียงเล็กน้อยจนทั่วว่า ประโยชน์นี่แหละกว่าจะมีได้ กว่าจะค่อยๆ สะสม กว่าจะค่อยๆ มั่นคงจนกระทั่งอกุศลเริ่มลดน้อยลง ถ้าไม่มีหนทางนี้ที่จะเข้าใจแม้สาตถกสัมปชัญญะว่า อะไรเป็นประโยชน์ยิ่งที่แท้จริงในชีวิต ไม่มีวันเข้าใจธรรมะไม่มีวันรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย นี่เพิ่งข้อแรกใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: รอบรู้ในประโยชน์ ต้องสิ่งที่เป็นประโยชน์จริงๆ คือกุศล ไม่ใช่อกุศล ปล่อยให้อกุศลเข้ามาทุกวันทุกขณะ นั่นหรือสาตถกสัมปชัญญะ?
อ.ธนากร: ถ้าจะเข้าใจสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็ต้องรู้ว่า สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์ด้วย ถึงจะรู้ประโยชน์จริงๆ อันนี้ก็เป็นความลึกซึ้งอย่างยิ่งครับ ไม่เคยคิดในแง่นี้มาก่อนเลยครับ
ท่านอาจารย์: แล้วถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงไว้ ประมาทกันไหม? ไม่รู้จักอกุศลเลย ยังอยากที่จะได้กุศลอีก แต่ไม่รู้ว่า จะได้แบบไหน เมื่อไม่มีปัญญาก็ได้แต่อกุศลไป ยิ่งเป็นหนทางผิด ยิ่งห่างไกลมากจากการที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเข้าใจธรรมะที่ปรากฏ ได้แต่ฟัง คิดเองหมด ประมาทได้ไหม? สาตถกสัมปชัญญะป้องกันอกุศลทั้งปวง
อ.ธนากร: ไม่ได้เลยครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น การฟังธรรมะ ไม่ใช่ได้ยิน! มีเท่าไหร่? สัมปชัญญะ ๔ รู้แล้ว ๔ ผ่านไปเลยอย่างนั้นหรือ? แล้วจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าแม้สิ่งที่เป็นโทษแม้เพียงเล็กน้อยก็ทรงแสดง จนกว่าจะเห็นว่าเป็นโทษจริงๆ นั่นคือเห็นประโยชน์ของการที่จะละอกุศล สาตถกสัมปชัญญะ อกุศลทุกประเภททุกประการด้วย ตามกำลังที่จะเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัย
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ไตร่ตรองจนละเอียดทั้งวันเป็นเวลาของอกุศลทั้งนั้น ความขุ่นเคืองใจ การไม่อภัย การตำหนิติเตียน การอะไรทุกอย่าง ประโยชน์อยู่ไหน?
อ.ธนากร: ไม่มีเลยครับ
ท่านอาจารย์: เกิดแล้วดับแล้ว ไม่รู้ ก็เพิ่มอกุศลอยู่ต่อไปในสังสารวัฏฏ์ทุกครั้งที่เป็นอกุศล อยู่ต่อไปในสังสารวัฏฏ์ซึ่งอยู่มานานจนประมาณไม่ได้ว่า นานเท่าไหร่ จนปรากฏธรรมะในแต่ละวันว่า เป็นอย่างนี้แหละ เพราะสะสมอกุศลมานานเท่าไหร่? มากเท่าไหร่? วันนี้ก็เป็นอย่างนี้ให้เห็น แต่ถ้าไม่เป็นผู้ที่ละเอียดในสาตถกสัมปชัญญะ ก็ปล่อยประละเลย
เห็นไหม แม้อย่างนี้ยังต้องรู้ประโยชน์ในวันหนึ่งๆ
อ.ธนากร: ใช่ครับ แล้วก็เป็นการอยู่ที่อยู่แบบมืดๆ อยู่แบบสกปรกหมักหมนทับถม ถูกตรึงไปไหนไม่ได้ไม่ได้เลยครับ
ท่านอาจารย์: อย่างอื่นสกปรก คูถมูตรทั้งหลายยังล้างออกได้ใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ แต่นี่อยู่ในใจเลยครับ
ท่านอาจารย์: จะเอาอะไรล้างอวิชชา และอกุศลทั้งปวงที่สะสมมาได้!! ประมาทไหม? นี่คือเห็นประโยชน์จริงๆ สาตถกสัมปชัญญะ ต้องฟังต่อไป
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ธนากร ด้วยความเคารพค่ะ


