มีธรรมะที่เป็นพาลเพราะไม่รู้ความจริง

 
เมตตา
วันที่  25 พ.ย. 2568
หมายเลข  51528
อ่าน  199

อ.อรรณพ: เมื่อวานก็สนทนากัน ก็มีข้อความใน อัฏฐสาลินี พระธัมมสังคณี ก็จะกราบเท้าท่านอาจารย์ได้กล่าวในอรรถะให้ชัดเจนครับ

ชื่อว่า พาลธรรม เพราะกระทำให้เป็นคนโง่ สั้นๆ ครับ หรือ ชื่อว่า บัณฑิตธรรม เพราะกระทำให้เป็นคนฉลาด

กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ พาลธรรม กระทำให้เป็นคนโง่ บัณฑิตธรรม กระทำให้เป็นคนฉลาด มีความละเอียดลึกซึ้งอย่างไรครับ

ท่านอาจารย์: ทุกอย่างเป็นธรรมะ ใช่ไหม?

อ.อรรณพ: แน่นอนครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ทบทวนอีกครั้งหนึ่งประโยคแรก

อ.อรรณพ: ชื่อว่า พาลธรรม เพราะกระทำให้เป็นคนโง่

ท่านอาจารย์: จริงไหม อวิชชา โลภะ โทสะ

อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น เมื่อท่านแสดงไว้อย่างนี้ ก็คือ รวมอกุศลทั้งหมดซึ่งมี โมหะ เป็นเหตุทำให้โง่ โง่นี่โง่อย่างไร ครับ

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้รู้อะไรหรือเปล่า? เห็นไหม โง่กับไม่โง่ รู้กับไม่รู้ เดี๋ยวนี้รู้อะไรหรือเปล่า?

อ.อรรณพ: เดี๋ยวนี้ก็เป็นท่านอาจารย์กำลังกล่าวครับ

ท่านอาจารย์: เป็นได้อย่างไร อยู่ไหน เป็นได้อย่างไร?

อ.อรรณพ: คิดครับ คิด จำ

ท่านอาจารย์: เมื่อวานทั้งวัน โง่หรือฉลาด? เป็นโน่นเป็นนี่เป็นนั่น แต่ความจริงไม่ได้เป็นอะไรเลยสักอย่างเดียว

โง่ปานใด พาลปานใด ไม่รู้ความจริงระดับไหน?

เพราะฉะนั้น ธรรมะสำหรับให้เข้าใจถูกในความเป็นธรรมะ พาลธรรมะไม่ใช่ใครทั้งสิ้น แต่ความไม่รู้ความจริง คิดดูซิ และก็ความจริงซึ่งยากที่จะรู้ได้ จะรู้ต่อเมื่อมีผู้ที่ได้ตรัสรู้ และทรงแสดงความจริงของสิ่งซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ความจริงถึงที่สุดของสิ่งนั้นเป็นอะไร

เห็นในระดับของพาลไหม ความไม่รู้?

อ.อรรณพ: ในความละเอียดของพาล แม้ในข้อความนี้ที่ท่านอาจารย์ให้ผมอ่านซ้ำ ชื่อว่า พาลธรรม เพราะกระทำให้เป็นคนโง่ ก็เป็นธรรมะด้วย ธรรมะที่เป็นพาลมีจริง เพราะก็ทำให้เป็นคนโง่ ท่านอาจารย์กล่าว โง่ อยู่ตลอดที่คิดว่า มีคนมีสัตว์มีสิ่งต่างๆ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลึกซึ้งไหม?

อ.อรรณพ: ลึกซึ้งครับ แม้ข้อความสั้นๆ ลึกซึ้ง

ท่านอาจารย์: ถ้าคิดตื้นๆ ก็แค่คนพูดชั่ว ทำชั่ว คิดชั่ว

อ.อรรณพ: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: แต่อย่างไรล่ะ ถึงจะเรียกว่าชั่ว ไม่ใช่ใครทั้งสิ้น แต่เป็นอะไร?

อ.อรรณพ: เป็นความไม่รู้เป็นความโง่ คือความไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏจริงๆ แต่ไม่รู้นี่ครับ

ท่านอาจารย์: นั่นแหละ พาลธรรมะที่ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้

อ.อรรณพ: ท่านอาจารย์ครับ นั่งอยู่ดีๆ อย่างนี้ก็เป็นพาล

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่มีจิต เจตสิก ไม่มีธรรมะ จะมีพาลไหม?

อ.อรรณพ: ไม่มีครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ก็มีธรรมะที่เป็นพาล เพราะไม่รู้ความจริง

อ.อรรณพ: พาล เพราะไม่รู้ความจริง แม้นั่งอยู่ดีๆ สนทนาธรรมะ ดูว่าดีๆ เพราะฉะนั้น เราเองครับ ก็คือเราไปคิดว่า พาลนี่จะต้องแบบรุนแรงครับ ต้องเป็นอะไรที่แบบเป็นคนที่ไม่ดี คิดชั่ว คิดโกงคนอื่น แล้วก็มีกาย วาจา ที่ชั่วออกมา แต่ในความละเอียดของความเป็นธรรมะที่เป็นพาล ชื่อว่า พาลธรรม เพราะกระทำให้เป็นคนโง่

ท่านอาจารย์: ยังไม่ทันคิด ยังไม่ทันพูด ยังไม่ทันทำก็ไง่แล้วใช่ไหม?

อ.อรรณพ: เป็นเพราะมีหัวหน้าพาลที่ไม่ปรากฏตัวครับ ความไม่รู้นี่แหละ ลึกซึ้งมากเลยที่ทำให้โง่

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น พาลธรรมะ ไม่ใช่ใครเลยเป็นธรรมะที่เป็นพาล เพราะไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้น อกุศลธรรมทั้งหมดเป็นไปเพราะไม่รู้ความจริง

อ.อรรณพ: อย่างนี้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเลยครับ มิเช่นนั้น ถ้าเราไปพูดถึงคนพาล บัณฑิต เราก็อยากจะรู้ว่าใครเป็นพาลกัน ใครเป็นบัณฑิต แล้วเราจะไปคบกับคนไหนที่เป็นพาล คบคนไหนที่เป็นบัณฑิต แล้วก็มาคิดวิพากษ์ตัวเองว่า เอ๊ะ! แล้วเราเป็นพาล หรือเป็นบัณฑิตนะ เราก็เป็นคนที่ศึกษาธรรมะ เมื่อคืนก็สนทนากันต่อตอน ๑๙.๐๐ น. ก็มีความที่ไปคิดถึงคำว่า เอ๊ะ! เป็นพาล หรือเป็นบัณฑิต

แต่เมื่อมีคำว่า พาลธรรมะ บัณฑืตธรรมะครับ เป็นการที่จะไม่ต้องไปคิดถึงคนคิดถึงใครคืดถึงธรรมะที่เป็นพาล คือความไม่รู้

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้ฟังธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูเหมือนรู้จักคนพาลใช่ไหม? แต่ไม่รู้จักพาลธรรมะ

อ.อรรณพ: ครับ ไม่รู้จักพาลธรรมะ แต่ไปคิดถึงคนพาลว่า คนอย่างไรคนที่แบบไม่มีเหตุไม่มีผล คนไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ธรรมะที่เป็นพาลที่เกิดนั่นแหละ เป็นตัวธรรมะจริงๆ ผมก็เลยซาบซึ้งในอรรถกถาจารย์ที่ท่านแสดงไว้ในอัฏฐสาลินีแม้สั้นๆ

และท่านก็มีแสดงไว้อีกครับว่า ชื่อว่า พาลธรรม เพราะเป็นธรรมตั้งอยู่ในพาลทั้งหลายโดยอุปจาระแห่งธรรมที่พาลตั้งอยู่

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น พาลจะไปตั้งอยู่ที่อื่นได้ไหม?

อ.อรรณพ: ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์: ที่อกุศลธรรม

อ.อรรณพ: อกุศลธรรมตั้งอยู่ พาลธรรมก็เป็นธรรมะตั้งอยู่ในพาลทั้งหลาย เพราะฉะนั้น ที่เรากล่าวว่า เป็นพาลคนโน้นคนนี้ แท้จริงแล้วก็เป็นธรรมะที่เป็นพาล คืออกุศลธรรมทั้งหลาย แต่ที่ผมชอบมาก ก็คืออีกนัยยะหนึ่งที่ว่า พาลธรรม เพราะกระทำให้เป็นคนโง่ สั้นมาก แต่ว่าละเอียดลึกซึ้งจริงๆ ครับ

ท่านอาจารย์: จะได้รู้ว่า พาลธรรมะ ธรรมะโง่ทั้งนั้นแหละ

อ.อรรณพ: ท่านอาจารย์ครับ ถ้าไม่ได้ฟังด้วยดี ใส่ใจ แล้วก็เห็นในความละเอียดของธรรมะ ก็จะมีความรู้สึกว่า เหมือนถูกว่า เหมือนถูกว่าโง่บ้าง เหมือนถูกว่าพาลบ้าง เพราะเราชินกับความหมายของคำว่า โง่ ความหมายของคำว่า พาล ว่าเป็นอะไรที่ไม่ดีมากๆ

ท่านอาจารย์: แล้วก็ต้องให้คนอื่นมาว่าด้วยนะ แต่ไม่รู้ตัวเองว่า ถึงใครไม่ว่าก็เป็นใช่ไหม?

อ.อรรณพ: ครับ แม้นั่งอยู่ในขณะนี้ เป็นเราที่สนทนากับท่านอาจารย์ในขณะนี้ ในขณะที่ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางใจบ้าง ทางกายก็มีเย็น นี่ครับพาลแล้ว!! โง่แล้วที่ไม่รู้ความจริงทั้งๆ ที่สิ่งที่เป็นจริงก็ปรากฏอยู่ แต่ก็ปรากฏไม่ดีด้วยความโง่

เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งที่ปรากฏไม่ดี ก็คือปรากฏกับความไม่รู้ เป็นความละเอียดลึกซึ้งจริงๆ แล้วก็เป็นต้นตอของพาลในทุกระดับ ก็คือธรรมะที่เป็นพาล คือความไม่รู้ครับ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 25 พ.ย. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kuthum
วันที่ 26 พ.ย. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ