เหนือความสว่างทั้งปวงคือปัญญา ... สนทนาธรรมที่หัวหินค่ำ 5/11/68

เหนือความสว่างทั้งปวงคือปัญญาเข้าใจถูกได้ในความมืดสนิทเพราะธรรมะทั้งหมดอยู่ในความมืดสนิทเว้นขณะเห็น กว่าจะตรองลงไปถึงความจริงของชีวิตแต่ละขณะ ไม่ใช่ให้เชื่อเลย ทางเดียวที่สว่างคือลืมตาขึ้นมาเห็น เพราะฉะนั้นค่อยๆ ฟังค่อยๆ เข้าใจค่อยๆ รู้ว่าไม่มีเราเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นกว่าจะเอาเราออกได้นานเท่าไหร่ ไม่ต้องหวัง นั่นคือปัญญาที่ละความหวัง ถ้าไม่มีปัญญาระดับนี้ยังหวังอยู่แน่ๆ ยังไงก็หวังและถ้าไม่เริ่มเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยมันจะถึงไหม
ปัญญาไม่ได้หวัง ปัญญารู้ความจริง
เพราะฉะนั้นฟังธรรมะต้อง "จงฟัง จงใส่ใจให้ดี เรา (พระพุทธเจ้า) จักกล่าว" ท่านพระสารีบุตรเวลาที่แสดงธรรมท่านก็กล่าวคำนี้ แสดงให้เห็นว่าลึกซึ้งแค่ไหนจึงต้องพูดอย่างนี้ แล้วยิ่งเป็นพระพุทธเจ้าลึกแค่ไหนพระองค์จึงต้องตรัสคำนี้ เพราะฉะนั้นเป็นบุญเป็นลาภอันประเสริฐเหนือลาภใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อความจริงปรากฏไม่มีอะไรเลยเพราะฉะนั้นสิ่งที่ปรากฏๆ จริงๆ ว่าเห็นนิดเดียว สว่างนิดเดียว ยิ่งไม่เป็นอะไรหมดแต่รวมเมื่อสว่างจึงมีสีนั้นสีนี้ปรากฏให้คิดให้จำ บังคับบัญชาไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้ ไม่ว่านานเท่าไหร่มาแล้วและต่อไปข้างหน้าอีก ใครจะยิ่งใหญ่เพียงใดก็เปลี่ยนธรรมะ ไม่ได้เป็นสัจธรรม เป็นปรมัตถธรรม เป็นอภิธรรมเพราะลึกซึ้ง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


