เพียงรู้สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้เท่านั้น

 
เมตตา
วันที่  9 พ.ย. 2568
หมายเลข  51390
อ่าน  274

อ.ชุมพร: ที่ได้ฟังท่านอาจารย์สนทนา กับ อ.วิชัย เรื่องของปริยัติ คือแต่ละขณะของการได้ยิน ได้ฟังคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเกิดความเข้าใจความละเอียดในเรื่องของความเข้าใจในคำที่ค่อยๆ สะสมทีละนิดทีละหน่อยค่ะ

ในระหว่าง ท่านอาจารย์พอจะกล่าวถึงความต่างระหว่างปัญญาเข้าใจในปริยัติ กับปัญญาที่มีความเข้าใจในขั้นปฏิบัติ มีความระเอียดอย่างไรค่ะ

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้รู้ไหมว่า อะไร? เดี๋ยวนี้มีอะไร รู้ไหม?

อ.ชุมพร: รู้ในขั้นการฟังค่ะ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ไม่รู้เลยใช่ไหมว่า เป็นธรรมะ?

อ.ชุมพร: ไม่รู้ค่ะ

ท่านอาจารย์: แล้วจะปฏิบัติอะไร?

อ.ชุมพร: หมายความว่า ความเข้าใจที่ค่อยๆ สะสม จนกระทั่งรอบในเรื่องของสภาพธรรมะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จนกว่าลักษณนั้นจะปรากฏชัดเจนต่อปัญญาอย่างนั้น ใช่ไหมค่ะ?

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ความเข้าใจที่เป็นปัญญาขั้นฟัง ไม่ผิดเลยที่จะรู้ว่า ขณะนั้นยังไม่รู้ตัวธรรมะ

อ.ชุมพร: การรู้จักตัวธรรมะไม่ใช่คิด แต่มีสภาพธรรมะนั้นจริงๆ ใช่ไหมคะ?

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้มีธรรมะ ถ้าไม่มีธรรมะจะปฏิบัติอะไร? เดี๋ยวนี้ต้องเป็นธรรมะ ต้องมีธรรมะ แต่ธรรมะอะไร เดี๋ยวนี้?

อ.ชุมพร: ฉะนั้น ความเข้าใจความต่าง ก็คือปัญญาในขั้นเรื่องราวของความจริง จนกว่าธรรมะนั้นๆ จะปรากฏชัดเจนตามกำลังของปัญญา

ท่านอาจารย์: แค่ตรง!! แค่ตรงที่จะตอบให้ตรงว่า เดี๋ยวนี้มีอะไร? แค่นี้!! เป็นความเข้าใจหรือเปล่า?

ถ้าไม่เข้าใจจะตอบได้ไหมว่า เดี๋ยวนี้มีอะไร?

อ.ชุมพร: ก็ต้องเป็นความเข้าใจที่สะสมจนชัดเจนในสภาพธรรมะที่ปรากฏเช่นนั้นนะคะ

ท่านอาจารย์: แน่นอน!! เดี๋ยวนี้มีอะไร ไม่ใช่เราใช่ไหม?

อ.ชุมพร: ค่ะ

ท่านอาจารย์: เป็นธรรมะใช่ไหม?

อ.ชุมพร: ใช่ค่ะ

ท่านอาจารย์: เป็นอนัตตาใช่ไหม?

อ.ชุมพร: ใช่ค่ะ

ท่านอาจารย์: แล้วจะไปปฏิบัติหรือ?

อ.ชุมพร: ไม่ปฏิบัติแน่ เพราะเป็นเรื่องของปัญญา

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ถึงเข้าใจความหมายของ ปฏิปัตติ ว่า เป็นความเข้าใจอีกระดับหนึ่งที่ไม่ใช่เพียงแต่พูดว่า เดี๋ยวนี้มีเห็น เป็นธรรมะ อะไรต่างๆ แต่รู้ว่า ยังไม่รู้จักเห็น ทั้งๆ ที่กำลังเห็น และรู้จักหนทาง อริยสัจจธรรม รอบที่ ๑ ไม่ครบไม่ได้ ไม่ครบก็ไม่มีรอบที่ ๒

เพราะฉะนั้น แม้แต่รอบที่ ๑ หนทางที่จะรู้ว่า เดี๋ยวนี้เป็นธรรมะ ตามที่ได้พูด หนทางที่จะรู้อย่างที่พูดเป็นอย่างไร ไม่ใช่รู้อื่นเลย เพียงรู้สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้เท่านั้น แล้วมีหนทางด้วย แล้วต้องรู้ว่า หนทางนั้นคืออะไร และต้องรู้ความเป็นอนัตตาด้วย จึงจะรู้ว่า เข้าใจธรรมะ รู้จักธรรมะ ตรงต่อธรรมะ ทุกคำที่มั่นคงในความเป็นอนัตตา

อ.ชุมพร: อีกนิดค่ะ ท่านอาจารย์ขยาย รู้ความเป็นอนัตตา หมายถึงลักษณะของสภาพธรรมะปรากฏเช่นนั้นใช่ไหม?

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้มีอะไร?

อ.ชุมพร: เดี๋ยวนี้มี ก็ยังไม่ชัดเจน ไม่รู้ค่ะ

ท่านอาจารย์: ไม่ได้ถามอย่างนั้น เดี๋ยวนี้มีอะไร? ไม่รู้เป็นคำตอบหรือว่าอะไร

อ.ชุมพร: เดี๋ยวนี้ก็มีแข็งค่ะ

ท่านอาจารย์: แค่นี้!! ทีละหนึ่งเลย จะรีบไปไหน ตอบให้ตรง จะได้ลึกลงไป เข้าใจขึ้น เดี๋ยวนี้มีแข็ง แข็งเป็นอะไร?

อ.ชุมพร: แข็ง เป็นโต๊ะค่ะ

ท่านอาจารย์: ผิดแล้วใช่ไหม แล้วจะปฏิบัติอะไร?

อ.ชุมพร: ฉะนั้น กว่าจะอบรมอย่างนั้น เป็นความเข้าใจที่เป็นสภาพธรรมะ กับคำว่า อนัตตา นี่ อย่างไรค่ะ?

ท่านอาจารย์: โต๊ะ เป็นโต๊ะใช่ไหม?

อ.ชุมพร: ค่ะ

ท่านอาจารย์: เป็นอัตตาแล้ว เป็นโต๊ะ!! จะไม่เป็นอัตตาได้อย่างไร ในเมื่อเป็นโต๊ะ ก็เป็นอัตตา ไม่ได้เป็นแข็งแต่เป็นโต๊ะ

เพราะฉะนั้น ทุกคนฟังแต่ชื่อ สงสัยในชื่อ ไม่มีความละเอียดพอที่จะรู้ว่า ฟังธรรมะเพื่ออะไร? เพื่อเข้าใจ คำนี้ต้องมั่นคง ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง ไม่ใช่เพื่อจะไปรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระโสดาบันเป็นพระอรหันต์ แต่เพื่อเข้าใจ

พระโสดาบันไม่เข้าใจ มีไหม? เป็นไปได้ไหม?

เพราะฉะนั้น ทั้งหมดฟังเพื่อเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริงทุกขณะที่ปรากฏให้รู้ได้ แค่นี้! ตรงไหม? ฟังธรรมะเพื่อเข้าใจ

มีแต่ชื่อปริยัติ มีแต่ชื่อปฏิบัติ มีแต่ชื่อปฏิเวธะ แล้วเข้าใจอะไร? ปริยัติ เข้าใจอะไร? แล้วปฏิบัติ เข้าใจอะไร? แล้วปฏิเวธะ เข้าใจอะไร? เพื่อเข้าใจใช่ไหม ถ้าไม่เข้าใจ ก็คือไม่รู้ตามความเป็นจริง

อ.ชุมพร: กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ให้ความมั่นคงในความเข้าใจ จะได้ไม่เข้าใจผิดว่า ตัวเองสติปัฏฐานเกิดแล้ว เพราะว่าเป็นเรื่องละเอียดจริงๆ

ที่สอบถามท่านอาจารย์จะได้เห็นถึงความละเอียด ความเป็นไปของปัญญา เพราะว่า ท่านอาจารย์กล่าวถึงว่า ไม่มีความต้องการในเรื่องของคำว่า ปฏิบัติ แต่ว่าเป็นเรื่องของความเข้าใจยิ่งขึ้นค่ะ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ชุมพร ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 9 พ.ย. 2568

ถ้าไม่เข้าใจ ก็คือไม่รู้ตามความเป็นจริง

ฟังเพื่อเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริงทุกขณะที่ปรากฏให้รู้ได้ แค่นี้ ตรงไหม ฟังธรรมเพื่อเข้าใจ

มีแต่ชื่อปริยัติ มีแต่ชื่อปฏิบัติ มีแต่ชื่อปฏิเวธะ แล้วเข้าใจอะไร ปริยัติ เข้าใจอะไร แล้วปฏิบัติ เข้าใจอะไร แล้วปฏิเวธะ เข้าใจอะไร เพื่อเข้าใจใช่ไหม ถ้าไม่เข้าใจ ก็คือไม่รู้ตามความเป็นจริง

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ