กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อย

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  15 ต.ค. 2568
หมายเลข  51189
อ่าน  398

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีประมาณน้อย สัตว์ไปเกิดในกำเนิดอื่นจากมนุษย์มีมากกว่ามากทีเดียว ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท [นขสิขสูตร]

ก็ในพระสูตรนี้ ท่านรวมเทวดากับมนุษย์ทั้งหลายเข้าด้วยกัน. เพราะฉะนั้น พึงทราบว่า ผู้เกิดในเทวโลกมีประมาณน้อย เหมือนผู้ที่เกิดในมนุษยโลก ฉะนั้น. [อรรถกถานขสิขสูตร]


รับฟัง ... นขสิขสูตร

ธรรมที่ท่านได้ฟังจากพระวินัยปิฎกก็ดี พระสุตตันตปิฎกก็ดี พระอภิธรรมปิฎก ก็ดี จะเห็นได้ถึงพระมหากรุณาคุณอย่างยิ่งของพระผู้มีพระภาคที่ทรงเกื้อกูลพุทธบริษัททุกโอกาส แม้แต่ธรรมปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นโอวาทที่ทรงพร่ำสอนเพื่อที่จะให้พุทธบริษัทเจริญกุศล เป็นผู้ที่ไม่ประมาททั้งสิ้น

ขอกล่าวถึง สังยุตตนิกาย นิทานวรรค โอปัมมสังยุต นขสิขสูตร มีข้อความว่า

พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงช้อนฝุ่นเล็กน้อยไว้ที่ปลายพระ นขา แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อยที่เราช้อนขึ้นไว้ที่ปลายเล็บนี้ กับมหาปฐพีนี้ อย่างไหนมากกว่ากัน

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาปฐพีนั่นแหละมากกว่า ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนขึ้นไว้ที่ปลายพระนขานี้ มีประมาณน้อย ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งการนับ ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งการเทียบเคียง ย่อมไม่ถึงซึ่งแม้ซึ่งส่วนแห่งเสี้ยว เพราะเทียบมหาปฐพีเข้าแล้ว ฝุ่นที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนขึ้นไว้ที่ปลายพระนขา มีประมาณเล็กน้อย

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีประมาณน้อย สัตว์ไปเกิดในกำเนิดอื่นจากมนุษย์มีมากกว่ามากทีเดียว ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ

มีใครกลัวที่จะไปสู่นรกบ้างไหม กลัวผล แต่ว่าโลภะ โทสะ โมหะ วันนี้ไม่ทราบว่ามากเท่าไร และสติที่ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่จะให้รู้ชัด เพื่อที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจธรรม ที่จะไม่ไปสู่อบายภูมิ คือ นรก สัตว์ดิรัจฉาน เปรต หรือเปตวิสัย ก็มีน้อย

ซึ่งตราบใดที่ยังไม่รู้แจ้งอริยสัจธรรม กิเลสที่มีมากๆ ทุกวัน จะมีกำลัง ที่จะทำให้เกิดกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ที่จะเป็นเหตุนำไปสู่อบายภูมิได้ เพราะเหตุว่าไม่ได้ดับหมด กิเลสมีมาก แต่สติมีน้อย เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ

ไม่ทรงละเว้นโอกาสที่จะพร่ำเตือนพุทธบริษัทให้เป็นผู้ที่ไม่ประมาทเลย ที่เล็บมีฝุ่นกันทุกคนไหม เคยเห็นก็บ่อย แต่ไม่เคยระลึกได้เลยว่า ถ้ายังมีกิเลสอยู่ตราบใด และยังไม่รู้แจ้งคุณธรรมเป็นพระอริยเจ้าแล้ว การที่จะไปสู่กำเนิดอื่นนั้น ย่อมมากกว่าการที่จะกลับมาสู่ความเป็นมนุษย์ ตัวอย่างเช่น พระเทวทัต

ท่านผู้ฟังเห็นฝุ่นที่เล็บทุกวัน แต่ไม่มีใครเตือน แต่พระผู้มีพระภาคทรงไม่ละเว้นโอกาส แม้แต่การที่จะให้ระลึกได้ว่า ฝุ่นที่เล็บนี้ยังน้อยกว่าที่พื้นปฐพี เหมือนกับวันหนึ่งๆ นี้ สติ กับกิเลส อย่างไหนจะเกิดมากกว่ากัน

เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่พากเพียรที่จะเป็นผู้ที่ไม่หลงลืมสติ ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมบ่อยๆ เนืองๆ จนกว่าปัญญาจะรู้ชัด ก็ไม่มีหนทางอื่นที่จะทำให้พ้นจากอบายภูมิได้ แต่ถ้าศึกษาธรรม ฟังธรรมอยู่เรื่อยๆ สติก็จะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ทันที ได้แล้วใช่ไหมขณะหนึ่ง สติจะระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏ [ตอนที่ 258]

ณ กาลครั้งหนึ่ง ไปกราบสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่อินเดีย [๓] กุสินารา-ลุมพินี

ณ สาลวโนทยาน เดิมเป็นอุทยานของมัลลกษัตริย์ มีสถูปและวิหารปรินิพพานประดิษฐานอยู่ เป็นที่หมายต้นสาละซึ่งเป็นที่ปรินิพพาน ภายในปรินิพพานวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทรูปปางดับขันธ์ปรินิพพาน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มังกรทอง
วันที่ 15 ต.ค. 2568

แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ