ไม่ใช่ให้ใช้สติ
ให้รู้ความจริงว่า สติเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ขณะใดที่หลงลืมสติ ขณะที่หลงลืมสตินั้นก็เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย เพราะฉะนั้น ขณะใดที่สติเกิดก็ให้ทราบว่า ขณะนั้นสติเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ เราจะใช้สติ และไม่ใช่ให้จับเอาปัจจุบันธรรมเป็นเหตุ จับไม่ได้ แต่รู้ลักษณะของ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
รับฟัง ...
ถ. ผมข้องใจในจดหมายที่พระคุณเจ้าเขียนมาที่ท่านบอกว่า ใช้สติเพ่งที่ร่างกาย
สุ. ที่คลาดเคลื่อนมี ๒ ตอน คือ ท่านเขียนว่า
อาตมาเจริญสติในขณะที่เป็นไข้ คือ ใช้สติพิจารณาเวทนาที่กำลังปรากฏ อย่างชัดเจนในขณะนั้น คือ พิจารณาไปตามสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปตามลักษณะของเวทนานั้นๆ ที่ปรากฏ คือ ปฏิบัติตามที่อาจารย์สุจินต์บรรยาย ท่านบอกว่า สภาพธรรมใดที่เกิดขึ้นในขณะใดก็ให้ใช้สติพิจารณาตามสภาพธรรมนั้นๆ ที่กำลังปรากฏ คือ จับเอาปัจจุบันธรรมเป็นเหตุ
สุ. ตอนที่คลาดเคลื่อน คือ ไม่ใช่ให้ใช้สติ แต่ให้รู้ความจริงว่า สติเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ขณะใดที่หลงลืมสติ ขณะที่หลงลืมสตินั้นก็เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย เพราะฉะนั้น ขณะใดที่สติเกิดก็ให้ทราบว่า ขณะนั้นสติเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ เราจะใช้สติ และไม่ใช่ให้จับเอาปัจจุบันธรรมเป็นเหตุ จับไม่ได้ แต่รู้ลักษณะของ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ [ตอนที่ 1991]



