ไม่มี แต่หลงว่ามี

[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 453 - 454
ชนเหล่าใด เกิดในมนุษยโลกแล้ว เมื่อพระตถาคตทรงประกาศสัทธรรม ไม่เข้าถึงขณะ ชนเหล่านั้นเชื่อว่าล่วงขณะ ชนเป็นอันมาก กล่าวเวลาที่เสียไปว่า กระทำอันตรายแก่ตน พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ในกาลบางครั้ง บางคราว การที่พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑ การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑ การแสดง สัทธรรม ๑ ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้ ขณะอย่าล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย เพราะบุคคลที่ปล่อยเวลาให้ล่วงไป พากันยัดเยียดในนรก ก็ย่อมเศร้าโศก หากเขาจะไม่สำเร็จอริยมรรค อันเป็นธรรมตรงต่อสัทธรรมในโลกนี้ได้ เขาผู้มีประโยชน์อันล่วงเสียแล้ว จักเดือดร้อนสิ้นกาลนาน
อ.อรรณพ: เมื่อสักครู่ท่านอาจารย์กล่าว เป็นคำเตือนแล้วก็เป็นไปตามในพระไตรปิฏกมากเลยครับว่า มีโอกาสฟังพระธรรมแต่กลับไม่ฟัง เป็นการล่วงเลยโอกาสอันประเสริฐไป พอดีผมได้ฟังท่านอาจารย์หมุนเวียนไปในแนวทางวิปัสสนามาเมื่อ ๒ - ๓ วันที่ผ่านมาใน อักขณสูตร ก็ยิ่งประทับใจ ก็จะอัญเชิญข้อความมาซึ่งท่านอาจารย์เพิ่งกล่าวกับ อ.คำปั่น ไปเมื่อสักครู่
ชนเหล่าใด เกิดในมนุษยโลกแล้ว เมื่อพระตถาคตทรงประกาศสัทธรรม ไม่เข้าถึงขณะ ชนเหล่านั้นเชื่อว่าล่วงขณะ ชนเป็นอันมาก กล่าวเวลาที่เสียไปว่า กระทำอันตรายแก่ตน พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ในกาลบางครั้ง บางคราว การที่พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑ การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑ การแสดง สัทธรรม ๑ ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับว่า
ข้อความนี้ที่ว่า ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ แต่ละคนก็สะสมปัญญามาไม่เท่ากัน พวกเราก็สะสมปัญญามาเพียงเล็กน้อย ในข้อความนี้ท่านอาจารย์ได้โปรดแสดงขยาย อรรถะ นะครับ เพื่อประโยชน์ของพวกเราว่า ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น ในกาลที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ มีพระธรรมที่ประจวบกันก็ยากครับ ที่ตนพอจะรู้พอจะเข้าใจ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์: ตายได้ทุกขณะใช่ไหม?
อ.อรรณพ: ตายได้ทุกขณะครับ
ท่านอ าจารย์: ก่อนตายก็ไม่รู้ความจริงอะไรเลย กับมีโอกาสได้ฟังได้รู้ความจริงว่า ตายคืออะไร? ดีกว่าไม่รู้ใช่ไหม?
อ.อรรณพ: ดีกว่าครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าใจว่ายั่งยืนเป็นของเรา ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ ชื่อเสียง เกียรติยศ ผู้คนที่มานับหน้าถือตาช่วยเหลือทั้งหมด มีหรือ? หรือว่าไม่มี แต่หลงว่ามี
โอกาสที่จะได้ฟังอย่างนี้ยากนักหนา ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และทรงแสดง เพราะฉะนั้น ทุกคำของพระองค์ควรไหมที่จะดำรงรักษาให้คนอื่นได้เข้าใจได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย เพราะเหตุว่า พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อใคร!! เพื่อทุกคนที่มีโอกาสจะได้ฟังได้เห็นประโยชน์ได้เข้าใจ มิเช่นนั้น พระองค์ก็ไม่ทรงบำเพ็ญพระบารมีถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ด้วยพระมหากรุณาอย่างยิ่ง และมีโอกาสที่จะได้รับสิ่งที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมา และแสดงให้ได้ยิน ควรได้ยินไหม? ควรฟังไหม? ควรไตร่ตรองไหม? เพราะเหตุว่า ไม่ใช่ว่าเราจะได้มีโอกาสได้ยินอีก ถ้าตายทันทีเดี๋ยวนี้ ก็หมดโอกาสแล้ว และเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น วันที่เหลือควรที่จะติดข้องในทรัพย์สมบัติ ในชื่อเสียง ในความกราบไหว้บูชาเคารพนับถือของคนอื่น หรือว่า รู้ว่าสิ่งต่างๆ เป็นธรรมะ สิ่งที่มีจริง เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีปัจจัยเกิดไม่ได้ เป็นอย่างนั้นไม่ได้ไม่ว่าอะไรทั้งหมด เกิดแล้วดับ กว่าจะละความเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
ทรัพย์สินเงินทองเดี๋ยวนี้อยู่ไหน ในกระเป๋า หรือว่าในธนาคาร หรือว่า เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรเลย เพียงแต่นั่งพูดนั่งสนทนากันเท่านั้น
ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถที่จะกำหนดรู้ได้สักขณะเดียวว่า เมื่อไหร่จะเข้าใจธรรมะ เมื่อไหร่จะประจักษ์แจ้ง เมื่อไหร่จะตาย เมื่อไหร่จะอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะเหตุว่า เป็นธรรมะทั้งหมดตามเหตุตามปัจจัยที่ได้สะสมมา
ขอเชิญอ่านได้ที่ ..
ความปรากฏขึ้นที่หาได้ยาก [ฉักกนิบาต]
การฟังพระสัทธรรมเป็นของยาก [คาถาธรรมบท]
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โอกาสที่จะได้ฟัง พระธรรม นี้ยากนักหนา ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และทรงแสดง เพราะฉะนั้น ทุกคำของพระองค์ควรไหมที่จะดำรงรักษาให้คนอื่นได้เข้าใจได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ


