[คำที่ ๗๓๖] กุทฺธ

 
Sudhipong.U
วันที่  2 ต.ค. 2568
หมายเลข  51069
อ่าน  101

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ กุทฺธ

โดย อ.คำปั่น อักษรวิลัย

กุทฺธ อ่านตามภาษาบาลีว่า กุด - ดะ มาจาก กุธ ธาตุ ลงในความหมายว่า โกรธ ลง ต ปัจจัย แปลง ต เป็น ทฺธ แล้วลบที่สุดธาตุ คือ ลบ ธ จึงสำเร็จเป็น กุทฺธ แปลว่า บุคคลผู้โกรธแล้ว เป็นคำที่แสดงถึงความเป็นจริงของธรรม ในขณะที่ความโกรธเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ถูกความโกรธครอบงำแล้ว จึงทำให้หมายรู้ได้ว่าเป็นบุคคลผู้โกรธแล้ว ซึ่งเมื่อกล่าวโดยความเป็นไปของธรรมแล้ว ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตนเลย มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่มีตัวตนแทรกอยู่ในธรรมเลย เมื่อเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ แล้ว จะเป็นสัตว์บุคคล ตัวตนได้อย่างไร เมื่อสะสมความโกรธมากขึ้นๆ ก็สามารถทำทุจริตกรรม เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อนได้ สิ่งที่ไม่ควรทำ ก็ทำได้ เพราะกำลังของความโกรธซึ่งมีแต่โทษเท่านั้น ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย

ข้อความในพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต โกธนาสูตร แสดงถึงความเป็นจริงของบุคคลผู้โกรธแล้ว ถูกความโกรธครอบงำแล้ว สามารถทำกรรมชั่วได้อย่างมากทีเดียว ดังนี้

“คนผู้โกรธ ย่อมก่อกรรมที่ทำได้ยาก เหมือนทำได้ง่าย ภายหลังเมื่อหายโกรธแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้ ในกาลใดความโกรธเกิดขึ้น คนก็ย่อมโกรธ ในกาลนั้นคนนั้นไม่มีหิริ (ความละอายต่อบาป) ไม่มีโอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่อบาป) และไม่มีความเคารพ คนโกรธฆ่าบิดาของตนก็ได้ ฆ่ามารดาของตนก็ได้ ฆ่าพระขีณาสพ (พระอรหันต์) ก็ได้ ฆ่าปุถุชนก็ได้ ลูกที่มารดาเลี้ยงไว้จนได้ลืมตาดูโลกนี้ ลูกเช่นนั้นมีกิเลสหยาบช้า โกรธขึ้นมา ย่อมฆ่าแม้มารดานั้นผู้ให้ชีวิตความเป็นอยู่ก็ได้


ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะเป็นอย่างอื่น เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ไม่ว่าจะกล่าวถึงเรื่องใด ล้วนแล้วย่อมไม่พ้นไปจากธรรม ทุกขณะของชีวิตคือความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แม้แต่โทสะ ก็เป็นธรรม เพราะมีจริงๆ เกิดขึ้นจริงๆ ใครๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ลักษณะของความโกรธ คือ ขุ่นเคือง ดุร้าย กระสับกระส่าย เกิดขึ้นเมื่อใด ไม่สบายใจเมื่อนั้น ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงลักษณะของความโกรธให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ นี้คือธรรม ปกติในชีวิตประจำวัน แต่ละบุคคล ล้วนมีอกุศลมากด้วยกันทั้งนั้น ทั้งความติดข้องยินดีพอใจ ทั้งความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ความไม่พอใจ เป็นต้น แต่ถ้าถึงกับที่จะต้องล่วงออกมาเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นนั้น ขณะนั้นแสดงให้เห็นถึงกำลังของกิเลสว่ามีมากอย่างยิ่ง

ความโกรธเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้เป็นพระอนาคามีบุคคล ย่อมมีความโกรธเป็นธรรมดา มากบ้าง น้อยบ้าง ตามการสะสมของแต่ละบุคคล วันหนึ่งๆ หาเรื่องที่จะให้โกรธได้ไม่ยาก ได้ยินอะไรนิดๆ หน่อยๆ ความโกรธก็เกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องยากมากที่จะไม่โกรธไม่ขุ่นเคืองใจ เพราะเป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ แม้จะตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่โกรธ จะไม่ขุ่นเคืองใจ แต่ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม้ในขณะต่อไป เพราะเหตุว่า ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เมื่อได้เหตุได้ปัจจัยความโกรธก็เกิดขึ้น แสดงความเป็นอนัตตาชัดเจน ทุกขณะด้วย

ความโกรธ เป็นสภาพธรรมที่หยาบกระด้าง ดุร้าย และมีหลายระดับด้วย ความโกรธความไม่พอใจที่มีกำลังไม่มากในชีวิตประจำวัน เช่น หงุดหงิด ขุ่นเคืองใจไม่พอใจเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าหากความโกรธมีกำลังรุนแรงมาก ก็อาจถึงขั้นประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่น หรือฆ่าผู้อื่นก็ได้ นี้คือโทษของอกุศลธรรม ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ใครๆ ทั้งสิ้น

ขณะที่ความโกรธเกิดขึ้นนั้น กาย วาจา จะหยาบกระด้าง และย่อมแสดงกิริยาอาการที่ไม่เหมาะสมต่างๆ มากมาย ที่คนปกติไม่สามารถจะเป็นอย่างนั้นได้ เช่น กระแทกกระทั้น มีสีหน้าบึ้งตึง กล่าวคำที่หยาบคาย มือ เท้า ก็เป็นไปในทางเบียดเบียนผู้อื่น เป็นต้น ตรงกันข้ามกันกับขณะที่เป็นกุศล ตรงกันข้ามกันกับขณะที่มีเมตตา มีความเป็นมิตรเป็นเพื่อน อย่างสิ้นเชิง

สาเหตุที่แท้จริงของความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ไม่ใช่เหตุการณ์ ไม่ใช่บุคคลอื่น เพราะเหตุการณ์หรือบุคคลหรือสิ่งต่างๆ เป็นแต่เพียงอารมณ์ให้รู้เท่านั้น แต่สาเหตุที่แท้จริงก็เป็นเพราะการสะสมความโกรธของตนเองซึ่งสะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ เมื่อกระทบสิ่งที่ไม่น่าพอใจแล้วหงุดหงิด ไม่พอใจ โกรธ ขุ่นเคืองใจ ขณะนั้นทราบได้ว่าจะต้องเป็นเพราะตนเองได้สะสมความโกรธมาแล้ว จึงทำให้มีความขุ่นเคืองใจ มีความไม่พอใจ มีความโกรธอยู่บ่อยๆ เนืองๆ มากกว่าผู้ที่มีความอดทน และในเมื่อเป็นอกุศลของตนเอง ตนเองเท่านั้นที่จะเป็นผู้ได้รับโทษจากอกุศลของตน ไม่มีคนอื่นจะทำร้ายหรือให้โทษแก่ตนไม่ได้เลย พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จึงเป็นเครื่อง เตือนที่ดีเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน

การที่จะค่อยๆ ขัดเกลาละคลายความโกรธได้ ไม่ใช่ด้วยความอยากความต้องการ หรือด้วยการไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ แต่ต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจเป็นปัญญาของตนเองจริงๆ แล้วกุศลธรรมทั้งหลายก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นในชีวิตประจำวันซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะค่อยๆ ขัดเกลาละคลายอกุศล และเมื่ออบรมเจริญปัญญาความรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏถูกต้องตรงตามความเป็นจริงยิ่งขึ้น ความโกรธก็จะค่อยๆ ลดน้อยลง เพราะเหตุว่าค่อยๆ เข้าใจว่า จะโกรธอะไร ในเมื่อเป็นธรรมที่เกิดแล้วดับไปเท่านั้น แต่ว่ายังไม่ได้ดับอย่างเด็ดขาดจนกว่าจะถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล

ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ก็จะเป็นเหตุให้สะสมกิเลสประการต่างๆ หนาแน่นขึ้น ทับถมหมักหมมเพิ่มมากขึ้น จนยากที่จะขัดเกลาละคลายได้ ดังนั้น การที่จะมีพระธรรมเป็นที่พึ่งได้นั้น จึงต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ด้วยความเคารพ ละเอียดรอบคอบ ค่อยๆ สะสมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกทีละเล็กทีละน้อย ไม่ข้ามในแต่ละคำ และจะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการอบรมเจริญปัญญา จนกว่าปัญญาจะถึงความสมบูรณ์พร้อมได้ในที่สุด

อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ต.ค. 2568

การที่จะค่อยๆ ขัดเกลาละคลายความโกรธได้ ไม่ใช่ด้วยความอยากความต้องการ หรือด้วยการไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ แต่ต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจเป็นปัญญาของตนเองจริงๆ

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ