ไม่มีอะไรเป็นเครื่องกั้นปัญญา นอกจากความเห็นผิด หรือความไม่รู้

ไม่มีอะไรเป็นเครื่องกั้นปัญญา นอกจากความเห็นผิด หรือความไม่รู้ หนทางข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง แต่ถ้าเป็นผู้รู้หนทางข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง แล้วก็ค่อยๆ อบรมเจริญไป สักวันหนึ่งก็จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม แต่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ทันที จะต้องเริ่มจากความเป็นพระโสดาบันเสียก่อน ซึ่งยังเป็นผู้ที่ยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัส เพราะว่าไม่ใช่สิ่งที่จะละได้โดยง่าย คนที่อาจจะไม่พอใจในรูป หรือว่ามีความพอใจในเสียงน้อย มีความพอใจในกลิ่นน้อย แต่ว่ายังเป็นผู้มีความพอใจในรสมาก อันนั้นก็เป็นเรื่องของโลภะด้วย ไม่พ้นจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และบางคนที่คิดว่าไม่พอใจในรูป แต่ยังชอบดูภาพสวยๆ จิตรกรรมสวยๆ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ยังเป็นผู้มีความยินดีในรูปอยู่ มีใครบ้างที่จะไม่ยินดีในรูป ยังดูหนัง ดูโทรทัศน์ ดูภาพเขียน หรือแม้แต่หนองประจักษ์ที่อยู่ข้างหน้า ก็เป็นภูมิภาคที่น่ารื่นรมย์ ในขณะนั้นก็ยังเป็นผู้ที่ยังยินดีในสิ่งที่ปรากฏทางตา
เพราะฉะนั้นก็จะต้องเข้าใจถึงความลึกของกิเลสว่า ที่พอใจในรูป ไม่จำกัดเลยว่ารูปชนิดไหน สิ่งที่ปรากฏทางตาทั้งหมดยังอยากเห็น เมื่อเห็นแล้วก็ยังอยากจะพอใจให้ได้เห็นอย่างที่ต้องการด้วย นี่เป็นเหตุที่มีจิตรกรรมต่างๆ ถ้าเพียงแต่เป็นฝาผนังเฉยๆ ก็ไม่ชอบ ต้องวาด ต้องเขียนให้เป็นมุมต่างๆ เป็นรูปต่างๆ เพราะเหตุว่าตาต้องการเห็นสิ่งที่มีความวิจิตร ลวดลายต่างๆ
นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ซึ่งทุกคนมี มากหรือน้อยก็ต่างกัน ทำไมต้องมีปากกาหลายแบบ ก็คือยังพอใจในสิ่งที่ปรากฏทางตา จะเรียกว่าไม่ติดในสี ในรูปไม่ได้เลย
ไม่ใช่เผินๆ แล้วก็คิดว่าละแล้ว แต่เป็นการที่จะต้องรู้จริงๆ ว่า กิเลสเกิดเมื่อไร เกิดจากอะไร และจะดับได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้มีกิเลสแต่เฉพาะในชาตินี้ชาติเดียว
ฟังเพิ่มเติม โสภณธรรม ครั้งที่ 126


