ตัณหาย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนไปในอายตนะ ๑๒ [อรรถกถาเอกมูลสูตร]
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม 1 ภาค 1 - หน้าที่ 245
๔. เอกมูลสูตร
ว่าด้วยปริศนาธรรม
[๑๔๑] เทวดากราบทูลว่า
บาดาล มีรากอันเดียว มีความวนสอง มีมลทินสาม มีเครื่องลาดห้า เป็นทะเล หมุนไปได้สิบสองด้าน ฤาษีข้ามพ้นแล้ว.
อรรถกถาเอกมูลสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในเอกมูลสูตรที่ ๔ ต่อไป :-
บทว่า เอกมูลํ ได้แก่ อวิชชาเป็นราก (มูล) แห่งตัณหา ทั้งตัณหาก็เป็นราก (มูล) แห่งอวิชชา แต่ในที่นี้ ท่านประสงค์เอาตัณหา.
ก็ตัณหานั้นย่อมหมุนเป็นไปสองอย่าง คือ ด้วยสัสสตทิฏฐิ และอุจเฉททิฏฐิ เพราะเหตุนั้นตัณหานั้น จึงชื่อว่า มีความหมุนเป็นสอง.
ตัณหานั้น ชื่อว่า มีมลทินสาม มีราคะเป็นต้น.
โมหะ ก็ชื่อว่ามีมลทินในที่นั้น เพราะเป็นเงื่อนแห่งสหชาตของตัณหานั้น.
ราคะโทสะ มีกามคุณห้าเป็นเครื่องลาดของตัณหานั้น เพราะเป็นเงื่อนแห่งอุปนิสสยะ (คือที่อาศัยอย่างมั่นคง) .
ตัณหานั้นแหละแผ่ไปในธรรมเหล่านั้น เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า มีเครื่องลาด ๕.
ก็ตัณหานั้นแหละ ชื่อว่าเป็นสมุทร (ทะเล) เพราะอรรถว่า ไม่รู้จักเต็ม.
ตัณหานั้น ย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนไปในอายตนะ ๑๒ ทั้งภายในและภายนอก เพราะเหตุนั้น ตัณหานั้นจึงชื่อว่าหมุนไปได้ ๑๒ ด้าน.
ก็ตัณหานั้น ท่านเรียกว่า บาดาล เพราะอรรถว่า ไม่ตั้งมั่น.
ฤาษีข้ามแล้ว ข้ามขึ้นแล้ว ย่อมก้าวล่วงซึ่งบาดาล (ตัณหา) นั้นซึ่งมีรากเดียว ฯลฯ .
จบอรรถกถาเอกมูลสูตรที่ ๔


