กุศลทั้งหลายย่อมเป็นประโยชน์กว่าอกุศล

เพราะฉะนั้นธรรมต้องพิจารณาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของโลภะ หรือโทสะ โมหะ โดยพิจารณาตนเองว่า การที่ยังมีความยึดมั่นผูกพันในบุคคล ควรที่จะคลายเกลียวออก หรือว่าหมุนเกลียวเข้าไปอีก เพราะว่าในภพหนึ่งชาติหนึ่งทุกคนต้องมีความผูกพัน มีความยึดมั่นในบุคคลต่างๆ โดยฐานะต่างๆ แต่ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า ควรที่จะละคลาย หรือว่าควรที่จะยึดมั่นให้มากขึ้น หรือแม้แต่เรื่องของโทสะ ความโกรธ ก็เช่นเดียวกัน
ถ้าท่านผู้ใดยังคงมีความโกรธในบุคคลใด ขณะนั้นเป็นอกุศล จะคลายเกลียวออก คือ ละคลายความโกรธแล้วให้อภัย หรือว่าจะหมุนเกลียวของโทสะให้เพิ่มขึ้น มากขึ้นไปอีก ซึ่งวันหนึ่งๆ ถ้าจะหาเรื่องที่จะโกรธไม่ยากเลย เช่นเดียวกับการที่จะหาวัตถุที่เป็นที่พอใจ ก็ไม่ยาก ได้ยินอะไรนิดอะไรหน่อย โกรธก็ได้ แต่ถ้าจะพิจารณาหาเหตุผลว่า ผู้นั้นอาจจะพูดไปด้วยความไม่รู้ ด้วยการฟังผิวเผิน หรือว่าด้วยการเข้าใจผิด ขณะนั้นจิตใจก็จะสบายมากทีเดียว ไม่เดือดร้อน หมดเรื่อง จบเรื่องทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นทุกๆ ขณะในชีวิต เป็นขณะที่ควรจะได้พิจารณาถึงประโยชน์ด้วยความเป็นผู้ตรงที่จะรู้ว่า กุศลทั้งหลายย่อมเป็นประโยชน์กว่าอกุศล ทั้งนี้การเป็นผู้ตรงนั้นก็เป็นลักษณะของตัตตรมัชฌัตตตาเจตสิก นั่นเป็นเรื่องของโลภะ โทสะ เพราะฉะนั้นขณะที่มีโมหะ คือ ขณะที่เห็น ก็ไม่รู้สภาพความจริงของนามธรรมและรูปธรรมในขณะที่กำลังเห็นในขณะนี้เอง หรือแม้ในขณะที่ได้ยินเดี๋ยวนี้ ไม่รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังได้ยินและเสียงที่ปรากฏ ขณะนี้จะคลายเกลียวของโมหะ โดยการอบรมเจริญปัญญา รู้ลักษณะของสภาพธรรม หรือจะพอใจที่จะหมุนเกลียวของโมหะให้มากขึ้นอีกโดยละเลยการที่จะระลึกศึกษารู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ
นี่คือเส้นทางชีวิตที่ทุกคนจะพิจารณาเลือกเดินต่อไปทุกๆ ขณะ แม้ในขณะนี้เอง


