อานันทเถรคาถา
สำหรับท่านพระอานนท์ ท่านเป็นเอตทัคคะหลายทาง ท่านผู้ฟังควรที่จะได้ทราบคาถาของท่านพระอานนท์เมื่อท่านตรัสรู้เป็นพระอรหันต์แล้วว่า จากการเกิดแล้วเกิดอีก สะสมบารมีมาเป็นชาติๆ นั้น เมื่อท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านมีคาถาอะไรที่เป็นโอวาทเตือนใจพุทธบริษัทบ้าง
ขุททกนิกาย เถรคาถา ... อานันทเถรคาถา มีข้อความว่า
บัณฑิตไม่ควรทำตนให้เป็นมิตรสหายกับบุคคลที่ชอบส่อเสียด มักโกรธ ตระหนี่ และผู้ปรารถนาให้ผู้อื่นพินาศ เพราะการสมาคมกับคนชั่วเป็นความลามก
คาถาของพระอรหันต์ท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเห็นความสำคัญของการคบหาสมาคมมากทีเดียวว่า ถ้าคบผู้ที่เป็นพาลจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร แต่ถ้าคบกับผู้ที่เป็นบัณฑิตจะได้รับประโยชน์มาก
ข้อความต่อไปมีว่า
แต่บัณฑิตควรทำตนให้เป็นมิตรสหายกับคนผู้มีศรัทธา มีศีลน่ารัก มีปัญญา และเป็นคนได้สดับเล่าเรียนมามาก เพราะการสมาคมกับคนดี ย่อมมีแต่ความเจริญอย่างเดียว
เชิญดูร่างกายอันมีกระดูก ๓๐๐ ท่อน ซึ่งมีเอ็นใหญ่น้อยผูกขึ้นเป็นโครงตั้งไว้ อันบุญกรรมตกแต่งให้วิจิตร มีแผลทั่วทุกแห่ง กระสับกระส่าย คนโง่เขลาพากันดำริเป็นอันมาก ไม่มีความยั่งยืนตั้งมั่น
พระอานนท์เถระ ผู้โคตมโคตร เป็นผู้ได้สดับมามาก มีถ้อยคำไพเราะ เป็นผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ปลงภาระลงแล้ว บรรลุอรหันต์ สำเร็จการนอน พระอานนท์เถระสิ้นอาสวะแล้ว ปราศจากกิเลสเครื่องเกาะเกี่ยวแล้ว ล่วงธรรมเป็นเครื่องข้องแล้ว ดับสนิท ถึงฝั่งแห่งชาติและชรา ทรงไว้แต่ร่างกายอันมีในที่สุด
ธรรมทั้งหลายของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ตั้งอยู่แล้วใน บุคคลใด บุคคลนั้น คือ พระอานนท์เถระผู้โคตมะ ชื่อว่า ย่อมตั้งอยู่ในมรรค เป็นทางไปสู่นิพพาน
พระอานนท์เถระได้เรียนธรรมจากพระพุทธเจ้ามา ๘๒,๐๐๐ ธรรมขันธ์ ได้ เรียนมาจากสำนักพระภิกษุ มีพระธรรมเสนาบดี เป็นต้น ๒,๐๐๐ ธรรมขันธ์ จึงรวมเป็นที่คล่องปากขึ้นใจ ๘๔,๐๐๐ ธรรมขันธ์
คนที่เป็นชาย มีการศึกษาเล่าเรียนมาน้อย ย่อมแก่เปล่า เหมือนกับโคที่มีกำลัง แต่เขาไม่ได้ใช้งาน ฉะนั้น เนื้อย่อมเจริญแก่เขา ปัญญาไม่เจริญแก่เขา
ผู้ใดเล่าเรียนมามาก ดูหมิ่นผู้ที่ศึกษาเล่าเรียนมาน้อยด้วยการสดับ แต่เขาไม่ได้ปฏิบัติตามที่เล่าเรียนมา ย่อมปรากฏแก่เราเหมือนคนตาบอดถือดวงไฟไป ฉะนั้น
สรรเสริญการปฏิบัติ ไม่ใช่สรรเสริญเพียงการศึกษา แต่ไม่ปฏิบัติตาม
ข้อความต่อไปมีว่า
บุคคลควรเข้าไปนั่งใกล้ผู้ที่ศึกษามาก แต่ไม่ควรทำสุตตะที่ตนได้มาให้พินาศ
ถ้าการศึกษาไม่ตรงกับการปฏิบัติ การศึกษานั้นก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ข้อความต่อไปมีว่า
เพราะสุตตะที่ตนได้มานั้น เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ เพราะฉะนั้น จึงควรเป็นผู้ทรงธรรม บุคคลผู้รู้อักษรทั้งเบื้องต้นและเบื้องปลาย รู้อรรถะแห่งภาษิต ฉลาดในนิรุติและบท ย่อมเล่าเรียนธรรมให้เป็นการเล่าเรียนดี และพิจารณาเนื้อความ เป็นผู้กระทำความพอใจด้วยความอดทน พยายามพิจารณา ตั้งความเพียร ในเวลา พยายาม มีจิตตั้งมั่นด้วยดีในภายใน บุคคลควรคบหาท่านผู้เป็นพหูสูต ทรงธรรม มีปัญญา เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า หวังการรู้แจ้งธรรมเช่นนั้นเถิด บุคคลผู้เป็นพหูสูต ทรงธรรม เป็นผู้รักษาคลังพระธรรมแห่งพระพุทธเจ้า ผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นดวงตาของโลกทั่วไป ผู้ที่เป็นพหูสูตนั้น เป็นผู้อันมหาชนควรบูชา
ภิกษุมีธรรมเป็นที่ยินดี ยินดีแล้วในธรรม ค้นคว้าธรรม ระลึกถึงธรรม ย่อมไม่เสื่อมไปจากสัทธรรม เมื่อกายและชีวิตของตนเสื่อมไป
ภิกษุผู้หนักในความตระหนี่กาย ติดอยู่ด้วยความสุขทางร่างกาย ไม่ขวนขวายบำเพ็ญเพียร ความผาสุกทางสมณะ จะมีแต่ที่ไหน
ทิศทั้งหมดไม่ปรากฏ ธรรมทั้งหลายไม่แจ่มแจ้งแก่ข้าพเจ้า ในเมื่อท่านธรรมเสนาบดีผู้เป็นกัลยาณมิตร นิพพานแล้ว
ในครั้งนั้นท่านเป็นเพียงพระเสกขบุคคล ในขณะที่ท่านพระสารีบุตรปรินิพพาน เพราะฉะนั้น ท่านพระอานนท์ก็มีความเศร้าโศกอย่างยิ่ง
โลกทั้งหมดนี้ปรากฏเหมือนความมืดมน กายคตาสติ ย่อมนำมาซึ่งประโยชน์โดยส่วนเดียว ฉันใด กัลยาณมิตรเช่นนั้น ย่อมไม่มีแก่ภิกษุผู้มีสหายล่วงลับไปแล้ว มีพระศาสดานิพพานไปแล้ว ฉันนั้น
ข้อความต่อไปนี้หลังจากที่พระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้ว มีว่า
มิตรเก่าพากันล่วงลับไปแล้ว จิตของเราไม่สมาคมด้วยมิตรใหม่ วันนี้เราจะเพ่งฌานอยู่ผู้เดียว เหมือนกับนกที่อยู่ในรังในฤดูฝน ฉะนั้น
พระผู้มีพระภาคตรัสกับท่านพระอานนท์ด้วยพระคาถาหนึ่งพระคาถาว่า
เธออย่าห้ามประชาชนเป็นอันมาก ที่พากันมาแต่ต่างประเทศ ในเมื่อล่วงเวลาเทศนาเลย เพราะประชุมชนเหล่านั้น เป็นผู้มุ่งจะฟังธรรม จงเข้ามาหาเราได้ เวลานี้เป็นเวลาที่จะเห็นเรา
ทรงแสดงให้เห็นว่า การฟังธรรมเป็นประโยชน์ที่สุด ไม่ควรที่จะให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเสียโอกาสที่จะได้รับฟังพระธรรม
พระอานนท์เถระจึงกล่าวเป็นคาถาต่อไปว่า
พระศาสดาผู้มีพระจักษุ ทรงประทานโอกาสให้ประชุมชน ที่พากันมาแต่ต่างประเทศ ในเมื่อล่วงเวลาเทศนา ไม่ทรงห้าม เมื่อเรายังเป็นพระเสขบุคคลอยู่ ๒๕ ปี กามสัญญาไม่เกิดขึ้นเลย เชิญดูความที่ธรรมเป็นธรรมดี เมื่อเรายังเป็น พระเสขบุคคลอยู่ ๒๕ ปี โทสสัญญาไม่เกิดขึ้นเลย เชิญดูความที่ธรรมเป็นธรรมดี
เราได้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคด้วยเมตตากายกรรม เหมือนพระฉายาติดตามพระองค์อยู่ ๒๕ ปี เราได้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคด้วยเมตตาวจีกรรม เหมือนพระฉายาติดตามพระองค์อยู่ ๒๕ ปี เราได้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคด้วยเมตตามโนกรรม เหมือนพระฉายาติดตามพระองค์อยู่ ๒๕ ปี
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดำเนินไป เราก็ได้เดินตามไปเบื้องพระปฤษฏางค์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงแสดงธรรมอยู่ ฌานเกิดขึ้นแก่เรา เราเป็นผู้มีกิจที่จะต้องทำ ยังเป็นพระเสกขะ ยังไม่บรรลุอรหัตต์
ศาสดาพระองค์ใดเป็นผู้ทรงอนุเคราะห์เรา พระศาสดาพระองค์นั้นได้เสด็จปรินิพพานไปเสียก่อนแล้ว เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ถึงความเป็นผู้ประเสริฐโดยอาการทั้งปวงเสด็จปรินิพพานแล้ว ครั้งนั้นได้เกิดมีความหวาดเสียว และได้เกิดขนพองสยองเกล้า
พระสังคีติกาจารย์ เมื่อจะสรรเสริญท่านพระอานนท์เถระ ได้รจนาคาถา ๓ คาถา ความว่า
พระอานนท์เถระเป็นพหูสูต ทรงธรรม เป็นผู้รักษาคลังพระธรรมของพระพุทธ- เจ้า ผู้ทรงแสวงหาพระคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นดวงตาของชาวโลกทั่วไป ปรินิพพานไปเสียแล้ว พระอานนท์เถระเป็นพหูสูต ทรงธรรม เป็นผู้รักษาคลังพระธรรมของ พระพุทธเจ้า ผู้ทรงแสวงหาพระคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นดวงตาของชาวโลกทั่วไป เป็นผู้กำจัดความมืดมน ที่เป็นเหตุทำให้เป็นดังคนตาบอดได้แล้ว
พระอานนท์เถระเป็นผู้มีคติ มีสติ และฐิติ เป็นผู้แสวงคุณ เป็นผู้ทรงจำพระสัทธรรมไว้ได้ เป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะ ท่านพระอานนท์เถระก่อนแต่นิพพาน ได้กล่าวคาถาความว่า เรามีความคุ้นเคยกับพระศาสดา เราทำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระหนักลงแล้ว ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพได้แล้ว
เป็นคาถาที่พระสังคีติกาจารย์สรรเสริญท่านพระอานนท์ เพราะถ้าท่านพระอานนท์ไม่ทรงจำข้อความที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมไว้ในครั้งนั้น พุทธบริษัทในสมัยนี้ไม่มีโอกาสที่จะได้พ้นจากสภาพของความมืดมน ที่เปรียบเหมือนกับคนตาบอดได้เลย ไม่ทราบว่าจะระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมอย่างไร แต่เพราะเหตุว่าพระธรรมได้ทรงแสดงไว้มาก และท่านพระอานนท์เถระได้ทรงจำไว้อย่างดี เป็นการเกื้อกูลพุทธบริษัทด้วยความเป็นเอตทัคคะ คือ ความเป็นผู้เลิศในทางความทรงจำ ในความเป็นพหูสูต และอดีตชาติของท่านตลอดกาลนานมาจนถึงชาติสุดท้ายที่ท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านก็กล่าวคาถาก่อนปรินิพพานว่า
เรามีความคุ้นเคยกับพระศาสดา เราทำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระหนักลงแล้ว ถอนตัณหาเป็นเครื่องนำไปสู่ภพได้แล้ว ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 264
ท่านคุ้นเคยกับพระศาสดามาตลอดอดีตกาล หลายชาติทีเดียว โดยการเป็นน้องบ้าง โดยการได้พบ ได้ฟังธรรมบ้าง แม้ในชาติสุดท้าย ก็ได้เป็นพระญาติของพระผู้มีพระภาคอรหันสัมมาสัมพุทธเจ้า การได้พบ การได้คุ้นเคยตั้งแต่อดีตชาติมาจนถึงปัจจุบันชาติของท่านพระอานนท์นั้น ไม่ไร้ประโยชน์ เพราะท่านกล่าวคาถาว่า เราทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระหนักลงแล้ว ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพได้แล้ว
เพราะฉะนั้น ในอดีตชาติท่านผู้ฟังจะเคยเป็นใครมาอย่างไรก็ตาม เคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน อาจจะเป็นพระผู้มีพระภาคก็ได้ หรือว่าพระอรหันตสาวกที่ท่านปรินิพพานไปแล้ว แต่กิจของท่านผู้ฟังยังไม่เสร็จ ยังต้องเป็นผู้ที่อบรมเจริญสติ เจริญปัญญา แม้ว่าจะได้คุ้นเคยบ้างแล้วในอดีต กับบุคคลที่ท่านปรินิพพานไปแล้วก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่าท่านเหล่านั้นก็ได้สำเร็จกิจของท่านแล้ว แต่ท่านผู้ฟังซึ่งอาจจะมีอดีตที่เคยสัมพันธ์กันมายังไม่เสร็จกิจ ยังไม่ได้ปลงภาระ ก็จะต้องเป็นผู้ที่อบรมกระทำกิจ สะสมปัญญาที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมต่อไป ระลึกอดีตชาติของท่านเองไม่ได้ แต่ฟังอดีตชาติของบุคคลอื่น คล้ายคลึงกันไหม อาจจะเป็นไปได้เหมือนอย่างนั้นไหม หรืออาจจะวิจิตรกว่าก็ได้ ตามความวิจิตรของจิตที่ได้สะสมมา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 265
เปิดฟัง ...

