ถวายเงินแก่พระภิกษุสงฆ์โดยไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร

 
dekengfrance
วันที่  15 ก.ค. 2568
หมายเลข  50394
อ่าน  4,670

ตามข่าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุสงฆ์ สาเหตุหลักคือจากตัวญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาที่ไปถวายเงินแก่ท่านโดยยึดถือตามขนบธรรมเนียมประเพณีสืบต่อกันมาไม่ว่าจะเป็นการใส่เงินไปในบาตรหรืองานทอดผ้าป่า-กฐินจนทำให้เกิดกิเลสต่อพระท่าน หากเรารู้แล้วว่าเป็นสิ่งที่ผิดและทำให้ลงสู่นรกได้ทั้งพระและฆราวาสเราจะแก้ไขกรรมที่ก่อไว้ได้อย่างไรคะ เพราะเชื่อว่ามีหลายคนที่กระทำแบบนี้กันส่วนมากค่ะ รบกวนท่านผู้รู้แนะนำให้ด้วยนะคะเพื่อที่จะได้นำไปปรับปรุงและแก้ไขในการทำบุญให้ถูกหลักตามคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 16 ก.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม 1 ภาค 3 - หน้าที่ ๙๔๐

พระบัญญัติ

ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.


พระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ไม่รับเงินและทอง รับเงินและทองไม่ได้ เป็นผู้ปราศจากเงินและทองอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านเหล่านั้น ต้องสละทรัพย์สินเงินทองก่อนบวชแล้ว ดังนั้น เมื่อบวชเป็นพระภิกษุแล้ว จึงรับเงินและทองไม่ได้ เงินทองไม่ควรแก่เพศบรรพชิตโดยประการทั้งปวง ไม่มีพระพุทธดำรัสแม้แต่คำเดียวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้พระภิกษุรับเงินและทองหรือไปแสวงหาเงินและทอง ตามข้อความใน พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม 4 ภาค 2 หน้า 212

มณิจูฬกสูตร ดังนี้

“ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตร ห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ... เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย”


พระภิกษุ คือ เพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์ เป็นเพศที่ขัดเกลากิเลสเป็นอย่างยิ่ง เป็นผู้เว้นโดยทั่ว ได้แก่ เว้นจากกิเลส เว้นจากความติดข้องยินดีพอใจในกาม จะเห็นได้ว่าผู้ที่ออกบวชเป็นพระภิกษุนั้น ต้องสละทุกสิ่งทุกอย่าง คือ สละอาคารบ้านเรือน สละทรัพย์สมบัติ สละวงศาคณาญาติ บวชเป็นพระภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองจริงๆ ท่านสละอาคารบ้านเรือนแล้ว รวมถึงสละทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดด้วย เมื่อสละสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ไม่ควรรับสิ่งเหล่านี้ ไม่ควรมีสิ่งเหล่านี้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะควรแก่พระภิกษุโดยประการทั้งปวง

ตามความเป็นจริงแล้ว บุคคลผู้ที่จะบวชจะต้องเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยน้อมไปในการบวชจริงๆ รู้จักตนเองและพิจารณาตนเองโดยละเอียดว่า สามารถที่จะดำรงอยู่ในเพศที่มีคุณธรรมสูงกว่าคฤหัสถ์ได้หรือไม่? พระภิกษุเป็นเพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์เป็นอย่างยิ่ง ที่สูงกว่านั้น สูงเพราะคุณธรรม เนื่องจากว่าผู้ที่เป็นพระภิกษุ จะต้องมีความมั่นคงที่จะสละกิเลสทุกอย่างทุกประการมากกว่าผู้ที่เป็นคฤหัสถ์ พร้อมกันนั้นก็จะต้องเป็นผู้มีความอดทน มีความเพียรที่จะศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจอย่างถูกต้อง น้อมประพฤติในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาต และงดเว้นจากสิ่งที่มีโทษโดยประการทั้งปวง นี้คือ ชีวิตที่แท้จริงของพระภิกษุ ซึ่งมีความแตกต่างจากคฤหัสถ์ ถ้าพระภิกษุรูปใดมีความเป็นอยู่ไม่ต่างกับคฤหัสถ์ ยังต้องการทรัพย์สินเงินทอง ยังมีจิตใจเหมือนคฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนทุกประการ นั่นก็ไม่ใช่พระภิกษุในพระธรรมวินัย ไม่ใช่คนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าต้องการทรัพย์สินเงินทอง อยากมีทรัพย์สินเงินทอง ก็ไม่ต้องบวช เพราะผู้ที่เป็นพระภิกษุจะต้องเป็นผู้ที่มุ่งตรงต่อการขัดเกลากิเลสจริงๆ จึงควรแก่การครองผ้ากาสาวพัสตร์ซึ่งเป็นเพศที่สูงยิ่ง


สำหรับผู้ที่เป็นคฤหัสถ์ เป็นธรรมดาที่เมื่อยังไม่ได้เข้าใจพระธรรมวินัย ก็เป็นเหตุปัจจัยให้ทำสิ่งที่ผิด ด้วยความไม่รู้ได้ อย่างเช่น ถวายเงินพระ แน่นอนเป็นการให้ทานที่ไม่ฉลาด เพราะสิ่งที่ถวายไป เป็นโทษกับผู้รับ ทำให้พระภิกษุท่านล่วงละเมิดพระวินัย สิ่งที่ไม่ดี ก็ต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่บัดนี้ รู้ความจริงแล้วว่า พระภิกษุรับเงินไม่ได้ เมื่อพระภิกษุรับเงินไม่ได้ เราที่เป็นคฤหัสถ์ก็จะไม่ให้เงินกับพระภิกษุอีกต่อไป จะกระทำเฉพาะสิ่งที่ถูกต้องดีงาม นี่คือ คุณประโยชน์ของการได้เข้าใจพระธรรมวินัย เมื่อรู้ว่าสิ่งใดผิด ก็ละทิ้งสิ่งนั้น ไม่กระทำสิ่งนั้นอีก นี่แหละคือการกระทำคืนหรือแก้ไขที่ถูกต้อง เป็นการเคารพอย่างยิ่งต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุญกุศลที่ได้เข้าใจความจริงนี้ ก็จะอุปการะเกื้อกูลให้ความดีทั้งหลายเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป เป็นที่พึ่งสำหรับชีวิตอย่างแท้จริง เป็นเครื่องป้องกันต้านทานไม่ให้ตกไปสู่ภพภูมิที่ต่ำคืออบายภูมิ ดังนั้น สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป แต่ขอให้ตั้งต้นใหม่ด้วยคุณความดีด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ครับ

... ยินดีในกุศลของคุณ dekengfrance และทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 17 ก.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
dekengfrance
วันที่ 19 ก.ค. 2568

กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างยิ่งนะคะ

เป็นคำตอบที่ละเอียดและลึกซึ้งมากค่ะ

จะน้อมนำไปแก้ไขและปฏิบัติตามนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
dekengfrance
วันที่ 22 ก.ค. 2568

เรียนถามอาจารย์เพิ่มเติมค่ะ

วันนี้ได้ไปร่วมงานปลงศพคุณพ่อของเจ้านายมาค่ะ

ก่อนจะประชุมเพลิงทางเจ้าภาพได้มีถวายปัจจัยให้แก่เจ้าอาวาสเพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมเข้าค่ายธรรมะแก่นักเรียน เจ้าอาวาสได้มีการรับปัจจัยแบบนี้ถือว่าเข้าข่ายอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์หรือไม่คะ พระท่านต้องไปปลงอาบัติด้วยหรือไม่คะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 24 ก.ค. 2568

เรียนความคิดเห็นที่ ๔ ครับ
จะรับเงินเพื่อตัวเอง หรือ รับเพื่อผู้อื่น หรือ รับเพื่อสิ่งอื่น ก็เป็นอาบัติทั้งหมด กล่าวคือ รับเพื่อตัวเอง เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ต้องสละเงินนั้นก่อนจึงจะแสดงอาบัติ ส่วนถ้าเพื่อเพื่อผู้อื่นหรือรับเพื่อสิ่งอื่น เป็นอาบัติทุกกฏ ก็สามารถปลงอาบัติได้เลย แต่ท่านต้องเป็นผู้ที่เห็นโทษ จะไม่ทำผิดอย่างนั้นอีก ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
dekengfrance
วันที่ 25 ก.ค. 2568

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่ไขข้อสงสัยให้เข้าใจและเห็นชัดค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ