เรื่องของโลกก็ซ้ำไปซ้ำมา

 
สารธรรม
วันที่  7 ก.ค. 2568
หมายเลข  50326
อ่าน  383

เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่านานมาแล้ว ไม่ว่าในสมัยของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ก็ดี หรือว่าในสมัยของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ก็ดี คนในครั้งโน้นก็ประพฤติเป็นไปอย่างนี้ มีการฆ่าสัตว์ มีการให้ทาน มีการกุศลบ้าง อกุศลบ้าง


พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ได้ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะได้ทรงแสดงธรรมให้พุทธบริษัทได้เข้าใจแจ่มแจ้ง และประพฤติปฏิบัติตาม จนกระทั่งดับกิเลสได้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉท

ขอกล่าวถึงเรื่องนี้ในครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ใน ขุททกนิกาย อามคันธสูตรที่ 2 มีข้อความว่า

ติสสดาบสทูลถามพระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะด้วยคาถา ความว่า

สัตบุรุษทั้งหลายบริโภคข้าวฝ่าง ลูกเดือย ถั่วเขียว ใบไม้ เหง้ามัน และผลไม้ที่ได้แล้วโดยธรรม หาปรารถนากาม กล่าวคำเหลาะแหละไม่ ข้าแต่พระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะ พระองค์เมื่อเสวยเนื้อชนิดใดที่ผู้อื่นทำสำเร็จดีแล้ว ตกแต่งไว้ถวายอย่างประณีต เมื่อเสวยข้าวสุกแห่งข้าวสาลี ก็ชื่อว่าย่อมเสวยกลิ่นดิบ

ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพรหม พระองค์ตรัสอย่างนี้ว่า กลิ่นดิบย่อมไม่ควรแก่เรา แต่ยังเสวยข้าวสุกแห่งข้าวสาลีกับเนื้อนกที่บุคคลปรุงดีแล้ว

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะ ข้าพระองค์ขอทูลถามความนี้ กะพระองค์ว่า กลิ่นดิบของพระองค์มีประการอย่างไร

กลิ่นเนื้อสัตว์ บุคคลบางพวกถือว่าเป็นกลิ่นดิบ เป็นกลิ่นไม่สะอาด ก็เข้าใจว่าผู้ใดเป็นสัตบุรุษจะต้องบริโภคแต่ข้าวฝ่าง ลูกเดือย ถั่วเขียว ใบไม้ เหง้ามัน และผลไม้ที่ได้มาโดยธรรม แต่ทำไมพระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะเสวยข้าวสุกแห่งข้าวสาลี เนื้อที่บุคคลปรุงถวายอย่างประณีต

พระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะตรัสตอบด้วยพระคาถาว่า

การฆ่าสัตว์ การทุบตี การตัด การจองจำ การลัก การพูดเท็จ การกระทำด้วยความหวัง การหลอกลวง การเรียนคัมภีร์ที่ไร้ประโยชน์ และการคบหาภรรยาผู้อื่น นี้ชื่อว่ากลิ่นดิบ เนื้อ และโภชนะไม่ชื่อว่ากลิ่นดิบเลย

ท่านผู้ฟังควรจะพิจารณาว่าท่านมีประการใดบ้าง ตั้งแต่ประการแรก คือ การฆ่าสัตว์ ยังมีอยู่บ้างไหม การทุบตี การตัด การจองจำ การลัก การพูดเท็จ การกระทำด้วยความหวัง การหลอกลวง การเรียนคัมภีร์ที่ไร้ประโยชน์ และการคบหาภรรยาผู้อื่น นี้ชื่อว่ากลิ่นดิบ เนื้อ และโภชนะไม่ชื่อว่ากลิ่นดิบเลย

กลิ่นดิบ คือ กลิ่นของอกุศลธรรมที่อยู่ในจิต ไม่ใช่เพียงกลิ่นภายนอกอย่างกลิ่นเนื้อ หรือว่ากลิ่นอาหารประเภทเนื้อ [ตอนที่ 206]

รับฟัง ... อามคันธสูตร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
talaykwang
วันที่ 7 ก.ค. 2568

"พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อ เพราะกลิ่นดิบไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่กลิ่นดิบคือกิเลสที่ควรรังเกียจ ... กุศลจิตดีงามเป็นบุญ เป็นบุญได้แม้ทานเนื้อสัตว์ ... "

ปุถุชนผู้ยังมีกิเลส แม้ขณะทานอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ แต่ทานด้วยความติดข้องในสี ในกลิ่น ในรสชาด ด้วยความติดข้องของอาหารนั้น ชื่อว่าเป็นกลิ่นดิบ

แต่สำหรับผู้สิ้นกิเลสแล้ว การทานอาหารด้วยความเข้าใจในสภาพธรรม มิใช่เป็นไปเพื่อความติดข้องต้องการ จึงชื่อว่าไม่ใช่กลิ่นดิบ


ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลผู้มีคุณทุกท่านทุกประการ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ