ทุกข์ใจเพราะกิเลส ทุกข์กายเป็นผลของกรรม

เวลาที่ทุกข์กายเกิดจะรู้สึกว่า ยากที่จะทน เจ็บ ปวด คัน เมื่อย และถ้าเป็นโรคที่ร้ายแรง ทุกข์กายนั้นก็เพิ่มมาก แต่แม้กระนั้นก็ไม่ใช่ว่ากิเลสจะหมด ทั้งๆ ที่ เห็นว่าเมื่อยังมีกายอยู่ มีการเกิดขึ้น ก็ไม่มีทางที่จะพ้นจากทุกข์กายได้เลย ถึงแม้จะเกิดในสวรรค์ซึ่งเป็นผลของกุศลกรรม เมื่อยังไม่เป็นพระอริยบุคคลคือ พระโสดาบัน ก็ต้องกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก ยังไม่บรรลุคุณธรรมเป็น พระอรหันต์และปรินิพพานตราบใด ทุกข์กายก็ยังหมดไม่ได้
แต่ทุกข์กายเมื่อเทียบกับทุกข์ของใจ หรือทุกข์ของกิเลส ในวันหนึ่งๆ ทุกข์ใจ ก็มากกว่าทุกข์กาย และการที่ทุกข์กายซึ่งทุกคนกลัวจริงๆ กลัวเจ็บ กลัวโรคภัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถที่จะดับหมดสิ้นได้ตราบใดที่ทุกข์ใจ คือ กิเลสยังไม่ดับ ถึงแม้ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติในนรก หรือเกิดเป็นมนุษย์มีทุกข์กายมากมาย ก็ยังไม่สามารถดับทุกข์กายนั้นได้ จนกว่าจะดับทุกข์ใจได้
เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า ในวันหนึ่งๆ ทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการกระทบสัมผัสกับสิ่งที่เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหวที่ไม่สบายเท่านั้น แต่ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะเรื่องราวและบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวกับลาภ ยศ สรรเสริญ นินทาก็มีมาก และถึงแม้ว่าในขณะนั้นจะไม่ใช่ทุกข์ในเรื่องราวและบุคคลต่างๆ ไม่เกี่ยวกับลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่ก็ยังมีทุกข์ในขณะที่กำลังบริโภคอาหาร หรือในขณะที่ทำกิจการงาน หรือแม้แต่ในขณะที่กำลังสนุกสนานเพลิดเพลิน เวลารับประทานอาหารอร่อยรู้สึกเพลิดเพลิน สักครู่เดียว พริกเม็ดหนึ่งก็ทำให้เกิดความทุกข์ได้แล้ว ฉะนั้น ไม่ใช่ว่าทุกข์จะเกิดจากบุคคลอื่น หรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับลาภ ยศ สรรเสริญ นินทาเท่านั้น แต่แม้ไม่เกี่ยวข้องกับใครๆ เลย ทุกข์ก็ยังเกิดอยู่เสมอเป็นประจำ ทั้งทุกข์กายบ้าง และทุกข์ใจบ้าง


