วันนี้เห็นบาปบ้างหรือยัง?

[เล่มที่ 45] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้า 281
๒. เทศนาสูตร
ว่าด้วยพระธรรมเทศนา ๒ ประการ
[๒๑๗] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับ มาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเทศนา ๒ ประการ ของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมมีโดยปริยาย ๒ ประการเป็นไฉน คือ ธรรม เทศนาประการที่ ๑ นี้ว่า เธอทั้งหลายจงเห็นบาปโดยความเป็นบาป ธรรม เทศนาประการที่ ๒ แม้นี้ว่า เธอทั้งหลายครั้นเห็นบาปโดยความเป็นบาปแล้ว จงเบื่อหน่าย จงคลายกำหนัด จงปลดเปลื้องในบาปนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเทศนา ๒ ประการนี้ ของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมมี โดยปริยาย.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
เธอจงเห็นการแสดงโดยปริยายของ พระตถาคต พระพุทธเจ้าผู้อนุเคราะห์สัตว์ ทุกหมู่เหล่า ก็ธรรม ๒ ประการ พระตถาคต พระพุทธเจ้า ผู้อนุเคราะห์สัตว์ ทุกหมู่เหล่าประกาศแล้ว. เธอทั้งหลาย ผู้ฉลาดจงเห็นบาป จงคลายกำหนัดใน บาปนั้น เธอทั้งหลายผู้มีจิตคลายกำหนัด จากบาปนั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ ได้.
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบเทศนาสูตรที่ ๒
อ.ณภัทร: เมื่อวานก็ได้สนทนา อัญเชิญพระสูตรชื่อว่า เทศนาสูตร จากพระสุตตันตปิฎก อิติวุตตกะ ตรัสว่า จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ธรรมเทศนา ๒ ประการ ของตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมมีโดยปริยาย ๒ ประการ เป็นไฉน คือ ธรรมเทศนาประการที่ ๑ นี้ว่า เธอทั้งหลายจงเห็นบาปโดยความเป็นบาป ธรรมเทศนาประการที่ ๒ แม้นี้ว่า เธอทั้งหลายครั้นเห็นบาปโดยความเป็นบาปแล้ว จงเบื่อหน่าย จงคลายกำหนัด จงปลดเเปลื้องในบาปนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเทศนา ๒ ประการนี้ ของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมมี โดยปริยาย
กราบท่านอาจารย์ครับ พระสูตรนี้ก็ไม่ยาว แต่ว่าโดยอรรถะ มีความความละเอียด และลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ก็เป็นโอกาสที่จะได้สนทนากับท่านอาจารย์ในความละเอียดเพิ่มเติม ก็คือว่า เมื่อกล่าวถึงอกุศล หรือบาป พระองค์ก็ทรงแสดงสิ่งที่เป็นของเลวโดยส่วนเดียว เป็นธรรมที่ลามก เป็นสิ่งที่ไม่ควรเสพ ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ เลย นำมาซึ่งทุกข์ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต แม้ได้ฟังอยู่อย่างนี้ ก็พอที่จะเห็นโทษ แค่นั้น การฟังว่า อกุศลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ราคะ ตัณหา หรือว่า โลภะ แล้วก็ โทสะ แล้วก็ความไม่รู้ คืออวิชชา แล้วก็มีอกุศลอีกมากมาย เช่น ความเห็นผิด ความสำคัญตน เป็นต้นครับ
จากการศึกษา ก็พูดที่จะรู้ว่า ธรรมเหล่านี้ เป็นธรรมลามก ไม่ควรเสพ แต่ในชีวิตจริงๆ นี่ครับ ก็ยังไม่ได้เห็นบาป ก็คืออกุศลธรรมทั้งหลายโดยความเป็นบาปเลย เพราะฉะนั้น พระสูตรนี้ครับ สั้น แต่ว่ามีความละเอียดลึกซึ้ง อยากที่จะให้ท่านอาจารย์ได้ให้ความเข้าใจในสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งว่า เธอจงเห็นบาปโดยความเป็นบาป จะมีความลึกซึ้งอย่างไรครับ
ท่านอาจารย์: เห็นบาปโดย ชื่อ ใช่ไหม?
อ.ณภัทร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: แล้ว บาปจริงๆ เดี๋ยวนี้มีไหม?
อ.ณภัทร: มีครับ แต่ไม่ได้รู้ถึงว่า เป็นบาปเลยครับ ไม่ได้ปรากฏเลยครับ
ท่านอาจารย์: แล้วจะรู้ได้ไหม?
อ.ณภัทร: ต้องอาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
ท่านอาจารย์: แล้วอาศัยหรือยัง?
อ.ณภัทร: เริ่มอาศัย แต่ว่ายังไม่ถึงความลึกซึ้งครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ยังไม่พอใช่ไหม?
อ.ณภัทร: ครับ
ท่านอาจารย์: วันนี้ เห็นบาป บ้างหรือยัง?
อ.ณภัทร: ตั้งแต่ตื่นวันนี้ ยังไม่เห็นเลยครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น แล้วต่อไปจะเห็นไหม?
อ.ณภัทร: ก็แสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้ง และความยากจริงๆ ครับ
ท่านอาจารย์: แน่นอน เพราะว่า ผู้ที่ตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำเป็นความจริงที่เปลี่ยนไม่ได้เลย เพราะแม้พระองค์จะทรงแสดง คำว่า บาป ให้ได้ยินได้ฟัง แต่ เห็นบาปแล้วหรือยัง?
อ.ณภัทร: แม้ได้ศึกษาว่า โลภะ ตัณหา ความติดข้อง ซึ่งมีในชีวิตประจำวัน แต่ความติดข้องเกิดขึ้น ไม่ได้รู้ว่าเป็นอกุศล หรือว่า เป็นบาปเลยครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงหนทางให้รู้หรือเปล่า?
อ.ณภัทร: ทรงแสดงครับ
ท่านอาจารย์: ได้ฟังแล้วใช่ไหม?
อ.ณภัทร: ได้ฟังแล้วครับ
ท่านอาจารย์: พระองค์ทรงแสดงว่าอย่างไร?
อ.ณภัทร: พระองค์ทรงแสดงมากมาย แต่ว่า เท่าที่จะเป็นหนทางว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา
ท่านอาจารย์: เข้าใจชัดเจนใช่ไหม คำนี้?
อ.ณภัทร: เข้าใจในเบื้องต้นครับ แต่ยังไม่ถึงความเป็นอนัตตาครับ
ท่านอาจารย์: ธรรมทั้งหลาย เดี๋ยวนี้มีธรรมไหม?
อ.ณภัทร: มีธรรมครับ
ท่านอาจารย์: เป็นอนัตตาหรือเปล่า?
อ.ณภัทร: เป็นอนัตตาครับ
ท่านอาจารย์: แล้วเมื่อไหร่จะรู้?
อ.ณภัทร: ต้องอบรมปัญญาไปเรื่อยๆ ครับ
ท่านอาจารย์: เห็นไหมว่า ลึกซึ้งแค่ไหน มีอยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้ว่า เป็นธรรม แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า เป็นอนัตตา ได้แต่ฟัง ได้แต่เริ่มเข้าใจ แต่ว่า ยังไม่สามารถที่จะถึงความเป็นธรรม และ ยังไม่ถึงความเป็นอนัตตา
เพราะฉะนั้น ก็จะต้องอดทนที่จะรู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำ จริง และมีด้วย ปรากฏแต่ไม่รู้
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ณภัทร ด้วยความเคารพค่ะ


