ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๐๓

 
khampan.a
วันที่  9 ก.พ. 2568
หมายเลข  49476
อ่าน  1,433

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๐๓




~ พระพุทธพจน์ทั้งหมดทุกคำ เป็นเรื่องของปัญญาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สะสมมาทรงแสดงให้ผู้อื่นฟัง เพื่อผู้ฟังจะได้เกิดปัญญาด้วย อนุเคราะห์ให้เกิดปัญญาให้มีความเห็นที่ถูก เพราะว่า จะอนุเคราะห์ด้วยทรัพย์สินเงินทองเครื่องอุปโภคบริโภคสักเท่าไหร่ ไม่มีวันจบ เพราะเหตุว่ายังมีเหตุที่จะให้เกิดทุกข์นานาประการ แต่ถ้าให้เข้าใจธรรม ก็ยังสามารถที่จะถึงความสิ้นทุกข์ได้

~ จะฟังธรรมต่อไปไหม อีกนานเท่าไหร่ ค่าอยู่ที่ขณะที่กำลังเห็นประโยชน์และเข้าใจในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบไหว้แต่ไม่ฟังพระธรรม ค่าของพระธรรมจะอยู่ที่ไหน ค่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ฟัง ก็คือ ไม่รู้ค่าของคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งแต่ละคำทำให้เกิดปัญญาซึ่งไม่เคยเกิดในสังสารวัฏฏ์ และปัญญาที่เกิดขึ้น ก็ค่อยๆ เจริญขึ้น มั่นคงขึ้น

~ ต้องไม่ลืม คำว่า ธรรม หมายความถึง สิ่งที่มีจริง เพียงคำเดียว “ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง” สิ่งที่มีจริง มีจริงๆ ไม่ใช่ใครเลยทั้งสิ้น ต้องไม่ลืมว่า ธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด

~ ต้องย้อนกลับมาที่ "ธรรม" ทุกครั้งที่ฟัง ว่า เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่เรา จึงใช้คำว่าธรรม กลับมาที่เดี๋ยวนี้ เพื่อให้เข้าใจว่ามีสิ่งที่มีจริงๆ แต่ ไม่ใช่เรา และเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็วสุดที่จะประมาณได้

~ การศึกษาโดยเคารพ ทั้งพระธรรมและพระวินัย ไม่สายสำหรับคนเริ่ม เพราะว่าเริ่มเมื่อไหร่ เข้าใจเมื่อนั้น ทีละเล็กทีละน้อย แต่ถ้าไม่เริ่มเลย แล้วจากโลกนี้ไป ก็ไม่ได้อะไรเลยจากโลกนี้ นอกจากกิเลสและความไม่รู้มากมายทุกวัน

~ กุศลจิตเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่ง เป็นอนัตตา เป็นสภาพธรรมที่เป็น ปรมัตถธรรม ไม่มีใครบันดาลให้นามธรรมคือกุศลจิตเกิดได้ เพราะถ้าบันดาลได้ก็มีแต่กุศล ย่อมไม่มีอกุศล และเวลาที่มีปัจจัยพร้อมที่จะให้กุศลจิตเกิด ก็ไม่มีใครบันดาลที่จะไม่ให้จิตนั้นเป็นกุศลได้

~ ถ้าไม่มีศรัทธาจะให้ทานไหม ไม่มีศรัทธาจะรักษาศีลไหม ไม่มีศรัทธาจะฟังธรรมไหม ไม่มีศรัทธาจะอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจธรรมไหม เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า ศรัทธานั้นเป็นสภาพธรรมที่นำมาซึ่งกุศลธรรมอื่นๆ

~ มีศรัทธาที่จะไม่เห็นประโยชน์ของความโกรธหรือยัง มิฉะนั้นแล้วก็ยังคิดว่า ยังดีอยู่นั่นเอง คือ คิดว่าโกรธนิดๆ หน่อยๆ จะทำให้คนอื่นประพฤติดีขึ้น แต่ว่าลักษณะของความขุ่นเคืองใจนั้นไม่เป็นประโยชน์เลย แทนที่จะขุ่นเคืองใจ อาจจะทำสิ่งอื่นที่มีประโยชน์กว่านั้นด้วยความไม่ขุ่นเคืองใจ ซึ่งขณะใดที่เป็นอย่างนั้น ก็แสดงว่ามีศรัทธาที่จะไม่โกรธ และเห็นโทษของความโกรธและอกุศลอื่นๆ

***- ~ บางท่านมีศรัทธาที่จะเผยแพร่พระธรรมให้คนอื่นเข้าใจพระธรรมและขัดเกลากิเลส คิดถึงคนอื่นมาก แต่อย่าลืมพิจารณาตนเองว่าในขณะที่มุ่งที่จะให้คนอื่นได้ฟังพระธรรมและขัดเกลากิเลส ตัวท่านเองซึ่งเป็นผู้ที่หวังดีต่อคนอื่นนั้น มีการพิจารณาและขัดเกลากิเลสของตนเองที่เห็นเพิ่มขึ้นหรือยัง เพื่อที่จะได้ขัดเกลาให้มากขึ้นอีก***

~ ถ้ายังไม่เห็นอกุศลตามความเป็นจริง ยังคงคิดว่าไม่เป็นโทษ และไม่รู้ด้วยว่า การสะสมอกุศลมากๆ การเป็นผู้ที่ยังใกล้ชิดต่อกิเลส จะทำให้เพิ่มความไม่รู้ในลักษณะของสภาพธรรมเพิ่มขึ้น

~ บางคนมีเมตตา กรุณา สงสารคนที่กำลังเดือดร้อน ขณะนั้นรู้ได้ว่าเป็นสภาพของจิตที่อ่อนโยน แต่ว่าศรัทธานั้นมากพอที่จะช่วยเหลือด้วยหรือยัง หรือเพียงแต่คิดสงสาร เห็นใจ ซึ่งขณะนั้นเป็นจิตใจที่ดี แต่ศรัทธานั้นก็ยังไม่มีกำลังถึงกับจะช่วยด้วย ซึ่งถ้าเป็นกุศลที่มีกำลังเพิ่มขึ้นจะไม่คิดเมตตาหรือกรุณาแต่เพียงในใจ แต่จะต้องทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นการเกื้อกูลเป็นประโยชน์ต่อผู้นั้นด้วย

~ ความจริงไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีใคร แต่เป็นธรรมซึ่งเกิดดับเหมือนกันหมดไม่ว่าใคร เพราะฉะนั้น ความเป็นมิตร เป็นมิตรด้วยใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่เดือดร้อน นั่นคือรู้ความจริง แต่ถ้าเดือดร้อน ขณะนั้นไม่รู้ว่าความจริงไม่มีเรา

~ ถ้าเป็นมิตร อภัยไหมถ้ามิตรทำผิดหรือพูดไม่ดีกับเรา และนอกจากมิตร คนอื่นที่ร้ายพูดไม่ดีกับเรา อภัยไหม อภัยคือใจที่ไม่เป็นโทษกับเขา ไม่ทำอะไรสักอย่างทั้งกายทั้งวาจาที่จะเป็นโทษกับคนนั้น ใจขณะนั้นก็สบาย วาจาก็ดี กายก็ดี

~ อบรมเจริญเมตตา คือ เป็นผู้ที่มีเมตตาในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น จากคนที่เคยชัง ความชังนั้นจะต้องลดน้อยลง มีความเมตตาเพิ่มขึ้น ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ ก็จะต้องระลึกได้ว่าขณะใดที่ความโกรธเกิด ขณะนั้นก็ไม่มีเมตตา ปราศจากเมตตา ถ้าสติเกิดระลึกได้บ่อยๆ เนืองๆ เป็นผู้มีปกติมีเมตตา ในขณะนั้นเมตตาต่อคนรอบข้างยิ่งมากขึ้น ขยายกว้างไกลออกไป

~ เจตนาที่จะเบียดเบียนทำร้ายไม่มีใครเห็นว่าดีเลย ใช่ไหม?
ทำร้ายคนอื่น หารู้ไม่ว่าขณะนั้นทำร้ายใจของตัวเองก่อน คือ ใจร้าย ถูกต้องไหม? คิดร้ายเมื่อไหร่ ใจไม่ดี ใจร้าย ใจร้าย เมื่อคิดร้าย

~ ขณะใดที่เป็นอกุศลเล็กน้อยเพียงใด ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะประมาท อกุศลหนึ่งขณะเล็กน้อยมาก เดี๋ยวก็เกิดอีกๆ เป็นอย่างไร? มากมายมหาศาลทุกชาติ

~ การที่มีความเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น เราจะเป็นคนดีในทุกอย่างเพิ่มขึ้น ไม่ว่าทางกาย ทางวาจา และทางใจ ไม่หวังร้ายต่อคนที่โกรธเรา ไม่ชอบเรา ว่าร้ายเรา เพราะเขาไม่รู้ เขาไม่เข้าใจ และขณะนั้นก็เป็นอกุศลของเขา ถ้าเราเดือดร้อน ก็เป็นอกุศลของเรา



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๐๒



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มังกรทอง
วันที่ 9 ก.พ. 2568

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 9 ก.พ. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 9 ก.พ. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบยินดีในความดีทุกประการของ แต่.คำปั่น ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 10 ก.พ. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มังกรทอง
วันที่ 27 ก.ย. 2568

แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 27 ก.ย. 2568

อบรมเจริญเมตตา คือ เป็นผู้ที่มีเมตตาในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น จากคนที่เคยชัง ความชังนั้นจะต้องลดน้อยลง มีความเมตตาเพิ่มขึ้น ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ ก็จะต้องระลึกได้ว่าขณะใดที่ความโกรธเกิด ขณะนั้นก็ไม่มีเมตตา ปราศจากเมตตา ถ้าสติเกิดระลึกได้บ่อยๆ เนืองๆ เป็นผู้มีปกติมีเมตตา ในขณะนั้นเมตตาต่อคนรอบข้างยิ่งมากขึ้น ขยายกว้างไกลออกไป

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ