ไม่คบคนพาล
ไม่คบคนพาล
ชาวพุทธทั่วไปคงเคยได้ยินมงคล 38 ประการ ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ให้ประพฤติปฏิบัติตามเพื่อความสวัสดีในชีวิตจนหมดกิเลสในที่สุด มงคล 38 เริ่มตั้งแต่ ไม่คบคนพาล อเสวนา จ พาลานัง ที่พูดกันบ่อยๆ จนติดปาก เวลาพูดถึงคนที่เราไม่ชอบและเหมาว่าเป็นคนพาล เดิมเข้าใจว่า คนพาลคือคนไม่ดี พวกอันธพาล นักเลงหัวไม้ นักเลงหญิง นักเลงสุรา พวกติดการพนัน ประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา เป็นต้น ไม่คบ คือ ไม่มอง ไม่พูดด้วย เห็นที่ไหนต้องอยู่ห่างๆ แสดงอาการรังเกียจ จนคนพาลเกรงกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว ก็รู้ว่าควรมองทุกคนด้วยเมตตา พูดด้วยเมตตา แสดงกิริยาทางกายด้วยเมตตา เพราะต่างก็เป็นเพื่อนร่วมเดินทางไกลในสังสารวัฏ ร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทุกคน บางครั้งมีความเห็นผิดทำให้เป็นคนพาล ถ้าให้โอกาสคนพาลให้เกิดความเห็นถูก ก็อาจกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้
เมื่อได้มาศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจาก มศพ. ที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ นำมาแสดง จึงพอเข้าใจบ้างว่า พาล คือ อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นกับจิต ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เป็นคนนั้นคนนี้ เป็นเรา เป็นเขา แต่เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดีงาม ขณะเกิดก็ทำให้เดือดร้อน เมื่อมีกำลังแรงจนเป็นเหตุให้ทำทุจริตทางกาย วาจา ก็ให้ผลเป็นทุกข์ในขณะต่อไป อาจจะไม่ใช่ในชาตินี้ แต่ต่อไปในอนาคต ทำให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกายที่ไม่ดี และที่สำคัญสะสมอกุศลจิตต่อไป ทำให้เกิดอกุศลจิตง่ายขึ้น บ่อยขึ้น
ขณะที่จิตเป็นอกุศล จึงเป็นพาล ไม่ควรคบ คือควรละไม่ให้เกิดต่อไป ด้วยการรู้ลักษณะของอกุศลนั้นซึ่งเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่แล้วดับทันที บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะเกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่กลับมาเกิดซ้ำอีกเลยในสังสารวัฏ เหมือนไฟดับแล้ว ไม่เหลืออยู่เลย จึงไม่มีสิ่งใดที่จะยึดถือว่า เป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขาได้ ส่วนจิตของคนอื่นนั้นไม่สามารถรู้ได้ ไม่คบพาลจึงอยู่ที่อกุศลจิตของตนเอง ความรังเกียจคนที่คิดว่าเป็นพาลนั้น เป็นกุศลหรืออกุศล ควรเจริญหรือควรละ ขึ้นอยู่กับปัญญา ความเข้าใจธรรมที่ได้ฟังและพิจารณาไตร่ตรอง และที่สำคัญควรเจริญเมตตาไม่มีประมาณในสัตว์บุคคลทั้งหลาย ควรสงสาร (กรุณา) ตั้งแต่เมื่อเขาทำอกุศลกรรม เพราะจะต้องได้รับผลเป็นทุกข์ในอนาคตแน่นอน แต่เรามักจะสงสารเมื่อเขาได้รับผล ซึ่งก็สายไปแล้วที่จะให้เป็นอย่างอื่น เพราะเกิดเป็นอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ยังไม่สายที่จะช่วยเหลือให้พ้นจากทุกข์ตามสมควรแก่เหตุ เพราะกุศลทุกประการควรเจริญ (สรุปจากการฟังคำบรรยาย “แนวทางเจริญวิปัสสนา” ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์)
ขอนอบน้อมต่อพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า ขอนอบน้อมต่อพระธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์ผู้สืบต่อพระธรรมคำสอนจนถึงทุกวันนี้
กราบเท้าขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่นำพระธรรมที่ท่านศึกษาเข้าใจแล้ว มาเผยแพร่ให้รุ่งเรืองจนเป็นแสงสว่างนำทางชีวิตของผู้ที่ศึกษาตามได้เห็นทางเดินที่ถูกต้องแม้รอบตัวจะมืดมิดก็ตาม และเพราะได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์จึงทำให้มั่นคงในพระรัตนตรัยและการเจริญทุกประการค่ะ

