แล้ว เดี๋ยวนี้ อะไรไม่เที่ยง?

[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 684
๖. ราหุลสังยุต
ปฐมวรรคที่ ๑
๑. จักขุสูตร
ว่าด้วยอายตนะมีจักษุเป็นต้นไม่เที่ยง
[๕๙๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่าน พระราหุล เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายบังคม พระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ท่าน พระราหุล เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส ขอ พระผู้มีพระภาคเจ้า จงทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ที่ข้าพระองค์ได้สดับแล้ว พึงเป็นผู้ๆ เดียวหลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีความเพียรส่งตนไปแล้ว อยู่.
[๖๐๐] พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสถามว่า ดูก่อน ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน จักษุเที่ยงหรือไม่เที่ยง.
ท่าน พระราหุล กราบทูลว่า ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือสุขเล่า.
รา. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรละหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา.
รา. ไม่ควรตามเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า.
[เปยยาลเหมือนกัน]
พ. โสตะ ... ฆานะ ... ชิวหา ... กาย ... ใจ เที่ยงหรือไม่เที่ยง.
รา. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า.
รา. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรละหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา.
รา. ไม่ควรตามเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า.
[๖๐๑] พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ราหุล อริยสาวกผู้ได้สดับ เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในจักษุ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในโสตะ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในฆานะ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในชิวหา ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในกาย ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในใจ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า จิตหลุดพ้นแล้ว ดังนี้. อริยสาวกนั้นย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี.
จบจักขุสูตรที่ ๑
[เล่มที่ 69] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้า 266
มหาวรรค
๔. อินทริยกถา
ว่าด้วยอินทรีย์ ๕
[๔๖๒] ปุถุชนเจริญวิปัสสนาย่อมเป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้ด้วยอาการ ๙ เป็นไฉน เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้ด้วยอาการ ๙ เป็นไฉน.
ปุถุชนเจริญวิปัสสนาย่อมเป็น ผู้ฉลาดในความตั้งไว้โดยความเป็นของไม่เที่ยง ๑ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้โดยความเป็นของเที่ยง ๑ เป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้โดยความเป็นทุกข์ ๑ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้โดยความเป็นสุข ๑ เป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้โดยความเป็นอนัตตา ๑ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้โดยความเป็นอัตตา ๑ เป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้โดยความสิ้นไป ๑ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้โดยความเป็นก้อน ๑ เป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้โดยความเสื่อมไป ๑ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้โดยความประมวลมา ๑ เป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้โดยความแปรปรวน ๑ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้โดยความยั่งยืน ๑ เป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้โดยเป็นสภาพหานิมิตมิได้ ๑ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้โดยเป็นสภาพมีนิมิต ๑ เป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้โดยเป็นสภาพไม่มีที่ตั้ง ๑ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้โดยเป็นสภาพมีที่ตั้ง ๑ เป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้โดยเป็นสภาพสูญ ๑ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้โดยความยึดมั่น ๑.
ปุถุชนเจริญวิปัสสนาย่อมเป็นผู้ฉลาดในความตั้งไว้ด้วยอาการ ๙ เหล่านี้ เป็นผู้ฉลาดในความไม่ตั้งไว้ด้วยอาการ ๙ เหล่านี้.
อ.คำปั่น: เมื่อสักครู่ท่านอาจารย์กล่าวถึง ให้ได้คิดพิจารณาว่า ค่อยๆ เข้าใจครับ ลืมไม่ได้เลย ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ก็คือ สัพเพ สังขารา อนิจจา ครับ สังขารทั้งหลายทั้งปวง ก็คือทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่เว้นเลย ไม่เที่ยง ครับ แม้คำว่า ไม่เที่ยง ก็คือฟังแล้วก็คือค่อยๆ คล้อยตามว่า ไม่เที่ยว แต่ว่า ความที่จะเป็นผู้ที่ค่อยๆ มั่นคงในความเป็นธรรมที่ไม่เที่ยงครับท่านอาจารย์ ก็ยังไม่เห็นเลยครับ ก็ยังเป็นเรา ยังเป็นสัตว์บุคคล ยังเป็นสิ่งต่างๆ อยู่ครับ ทั้งๆ ที่ข้อความใน พระไตรปิฎก และอรรถกถา ก็ได้อธิบายไว้มากทีเดียวครับ ใน ความเป็นจริงของสภาพที่ไม่เที่ยง ครับ
ก็กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ อย่างเช่นใน สารัตถปกาสินี อรรถกถา สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ราหุลสังยุตต์ จักขุสูตร ครับ ได้อธิบายความหมายของคำว่า ไม่เที่ยง ก็ขอโอกาสกราบเท้าท่านอาจารย์ในความละเอียดแต่ละประเด็นๆ ครับว่า
บทว่า อนิจจัง ได้แก่ ชื่อว่า ไม่เที่ยง โดยอาการที่มีแล้ว ก็ไม่มี ครับ นี่คือประการหนึ่งครับ โดยประการที่ มีแล้ว ก็ไม่มี ครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่รู้ในเบื้องต้นว่า อะไรเป็นธรรม จะรู้ไหม?
อ.คำปั่น: ไม่มีทางรู้เลยครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เมื่อฟังทั้งหมดข้อความในพระไตรปิฎก ความเข้าใจแค่ไหน? ข้อความทั้งหมดในพระไตรปิฎกจากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ไม่มีใครเทียบได้ในความปรัเสริฐ ในพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณ เปรียบไม่ได้แล้ว
เราได้ฟังทุกคำที่พระองค์ตรัสจากการตรัสรู้ ประมาทจนกระทั่งพอได้ยินได้รู้ ก็คิดว่า รู้แล้วหรือ? เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม?
อ.คำปั่น: เป็นไปไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์: ขั้นฟัง ก็ต้องปลูกฝังความมั่นคงความตรงที่จะไม่เป็นอื่น ทุกคำเข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้น อ่านไม่เผินเลยนะ ลองอ่านอีกครั้ง จะได้รู้ว่า เผินอย่างไร ไม่เผินคืออย่างไร
อ.คำปั่น: บทว่า อนิจจัง ได้แก่ ชื่อว่า ไม่เที่ยง โดยอาการที่ มีแล้ว ก็ไม่มี ครับ
ท่านอาจารย์: ถ้าถามก็บอกว่า จริงใช่ไหม? แค่นั้น
อ.คำปั่น: ครับ
ท่านอาจารย์: แล้ว เดี๋ยวนี้ อะไรไม่เที่ยง?
อ.คำปั่น: ตรงนี้ต้องไตร่ตรองเพิ่มครับ
ท่านอาจารย์: จึงต้องเรียนโดยละเอียด เพราะไม่รู้เลยว่า แม้ สิ่งที่ปรากฏทางตา ก็ไม่ใช่สภาพที่เห็น และ สิ่งที่ปรากฏทางตา ก็ปรากฏไม่ใช่ตามความเป็นจริง เพราะปรากฏโดยนิมิตตะ องทุกสิ่งไม่เว้นเลย นิมิตทั้งนั้น แสดงความรวดเร็วปานใดที่สภาพธรรมเกิดแล้วสืบต่อ จึงไม่สามารถแยกเป็นแต่ละหนึ่งซึ่งต่างกัน ทั้งๆ ที่ทรงแสดงแต่ละหนึ่งไว้ เพื่อให้รู้ว่า แต่ละหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง
เห็นเดี๋ยวนี้ ไม่ได้มีความมั่นคงว่า ตลอดเวลาเป็นหนึ่ง แต่ทีละหนึ่งที่เกิดดับสืบต่อเร็วจนปรากฏว่า สิ่งที่เห็นเป็นอะไร ก็แสดงชัดเจนว่า สุดประมาณที่จะรู้ว่าเร็วปานใด แค่หลับตา ไม่มีมีอะไรเหลือปรากฏ แต่พอลืมตามา หมดเลย เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งความจริงไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง เพราะปรากฏเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ใช่ปรากฏเป็นเฉพาะสิ่งที่กระทบตาเท่านั้น
อ.คำปั่น: ก็เป็นการค่อยๆ ปลูกฝังความมั่นคงจริงๆ ครับ ได้ฟังแล้วเพียงคำแปล เพียงได้ฟังแล้วผ่าน ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลย ก็ต้องค่อยๆ เข้าใจความเป็นจริงของธรรมแต่ละหนึ่งจริงๆ ครับ
ท่านอาจารย์: และทั้งหมดนี่ กำลังมีทุกขณะ ใกล้ที่สุด ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง น้อมเข้ามาในตน ไม่ใช่มีตัวเราไปน้อม ถ้าใช้คำว่า น้อม ก็เหมือนเราจะน้อมอะไรสักอย่าง แต่นี่หนึ่งขณะที่เข้าใจ หนึ่งขณะนั้นน้อมเอง ค่อยๆ เข้าใจ ใกล้สิ่งที่กำลังมีจริงๆ เพิ่มขึ้น ไม่ไกลเลย
เพราะฉะนั้น ต้องฟังอย่างละเอียดยิ่ง และพิจารณาว่า ทุกคำ ที่พระองค์ตรัส มีจริงๆ กำลังมี ไม่ไกล แต่ว่าไม่เคยที่จะคิดถึงเลย คิดถึงแต่อย่างอื่น
ขอเชิญอ่านได้ที่..
ขอเชิญฟังได้ที่..
พระโพธิสัตว์คิดต่างจากบุคคลอื่นอย่างไร
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ