ตรัสรู้สิ่งที่มีจริง

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  7 ม.ค. 2568
หมายเลข  49304
อ่าน  103

การตรัสรู้ก็คือตรัสรู้สิ่งที่มีจริง ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อน ไม่เคยเข้าใจถูกมาก่อนว่า แท้ที่จริงสิ่งที่ปรากฏขณะนี้ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มี เมื่อเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป จึงเป็นทุกขอริยสัจจะ


ทุกคำที่พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วเปลี่ยนไม่ได้ ถ้ากล่าวว่า เจตนาเจตสิกเป็นสภาพที่ต้องเกิดกับจิตทุกดวง ไม่มีใครสามารถที่จะไปเปลี่ยนแปลงได้เลย เพราะเหตุว่าเป็นสัจธรรม แต่ว่าเจตนาไม่ใช่มรรคมีองค์ ๘ มรรคมีองค์ ๘ ก็คือสัมมาทิฏฐิหนึ่ง และสัมมาสังกัปปะ ได้แก่ วิตกเจตสิก สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ และสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จะเรียงหรือไม่เรียงก็ได้

ไม่มีเจตนาเจตสิกที่เป็นมรรคมีองค์ ๘ แต่ไม่ใช่ว่าเวลาที่สติเกิดแล้วก็จะมีแค่ ๘ หรือว่าไม่ใช่ว่าเวลาที่เป็นมรรคมีองค์ ๘ จะไม่มีเจตสิกอื่นเกิดร่วมด้วยเลย เจตสิกต้องเกิดตามที่จิตประเภทนั้นๆ เกิดเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย ในเมื่อเจตนาเจตสิกต้องเกิดกับจิตทุกดวง ไม่ว่าจะเป็นจิตเมื่อใดขณะไหนก็ต้องมี แต่ว่าเวลาที่ทรงแสดงมรรคมีองค์ ๘ เจตนาไม่ใช่มรรคมีองค์ ๘ แต่ต้องเป็นสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้อง

ถ้าไม่มีความเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดงว่าการตรัสรู้ก็คือตรัสรู้สิ่งที่มีจริง ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนไม่เคยเข้าใจถูกมาก่อนว่า แท้ที่จริงสิ่งที่ปรากฏขณะนี้ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มีเมื่อเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป จึงเป็นทุกขอริยสัจจะ หรือทุกขลักษณะของสภาพธรรมทั้งหมดที่เกิดต้องดับ ไม่มีเจตนาเจตสิกที่เป็นมรรคมีองค์ ๘ แต่เจตนาเจตสิก ผัสสเจตสิก เวทนาเจตสิกต้องเกิดกับจิตทุกดวง

ที่มา และ รับฟังเพิ่มเติม ...

พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 909


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ