เรื่องกรรม และผลของกรรม
เวลาพูดเรื่องกรรม และผลของกรรม ถ้าไม่ศึกษา ก็ใช้ความคิดของเรา แต่ถ้าศึกษาแล้วจะทราบว่า เมื่อนามธรรมเป็นกรรม ผลของกรรมนั้น ก็ต้องเป็นนามธรรมด้วย คือ จิต ขอกล่าวถึงจิต ๔ ชาติ คือ กุศล เป็นชาติหนึ่ง เกิดมาเป็นกุศล อีกชาติหนึ่งก็คือ อกุศล เกิดเป็นอกุศล ทั้งสองอย่างนี้ เป็นเหตุที่จะให้เกิด วิบากจิต คือ จิตที่เป็นผล และอีกชาติหนึ่ง คือ กิริยาจิต จิตที่ไม่ใช่เหตุ และไม่ใช่ผล เพราะฉะนั้น จิต ๔ ชาติ คือ กุศล ๑ อกุศล ๑ วิบาก ๑ กิริยา ๑ ขณะไหนเป็นผลของกรรม ขณะแรกที่สุด คือ ปฏิสนธิจิต จิตที่เกิดขณะแรก เป็นผลของกรรมหนึ่ง
แต่ละคนทำกรรมไว้มากมาย แต่เราเลือกกรรมได้ไหมว่า ให้กรรมนี้ให้ผล แล้วแต่กรรมใดพร้อมที่จะให้ผลเกิดขึ้น ก็เกิดสืบต่อจากจุติจิต ทำกิจปฏิสนธิ นั่นเป็นขณะแรกของวิบาก คือ ผลของกรรมทำให้เกิด แต่ละคนเป็นอย่างนี้ เพราะกรรมทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดเป็นอย่างนี้ เมื่อกรรมทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด ปฏิสนธิจิตเป็นวิบาก เป็นผลของกรรม ตัวจิต และเจตสิกที่เกิดร่วมกัน เป็นประเภทวิบาก คือ เป็นผลของกุศล และอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้ว
หลังจากที่ปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว พอภวังคจิตก็เป็นวิบากอีก ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนั้น ยังไม่ให้ตาย ให้เป็นอย่างนี้ จนกว่าวันไหนหมดกรรม ที่ภาษาไทยเราใช้คำว่า ถึงแก่กรรม หมายความว่าสิ้นสุดกรรมนั้นแล้ว ก็จะเป็นบุคคลนี้ต่อไปอีกไม่ได้ โดยจุติจิตเกิด ทำหน้าที่เคลื่อนพ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ แต่ระหว่างยังไม่ตาย ก็ยังมีผลของกรรมด้วย คือขณะใดที่เห็น ขณะนี้ที่กำลังเห็น เป็นวิบากจิต ขณะที่ได้ยิน เป็นวิบากจิต ขณะที่ได้กลิ่น เป็นวิบากจิต ขณะที่ลิ้มรส เป็นวิบากจิต ขณะที่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เป็นวิบากจิต
เพราะฉะนั้น เรารู้กรรม และผลของกรรม เวลาที่วิบากจิตเกิด ป่วยไข้ได้เจ็บ สุขหรือทุกขเวทนา เป็นกายวิญญาณ เป็นผลของกรรม ที่ให้ผลทำให้ความรู้สึกเจ็บปวด หรือความรู้สึกสบายนั้นเกิดขึ้น เรารู้เลย ใครทำ เราเอง ไม่ใช่คนอื่นเลย ถ้ามีโจรผู้ร้าย มายิงรันฟันแทง หรือว่าในพระไตรปิฏกใช้คำว่า ใช้เลื่อย เลื่อยอวัยวะแขนขา ถ้าผู้ใดโกรธ ผู้นั้นไม่ใช่สาวกของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่าเป็นผู้ที่ไม่รู้เรื่องกรรม และผลของกรรม ถ้าคนนั้นไม่ได้กระทำกรรมนั้นมา ไม่มีทางที่สิ่งนั้นจะเกิดกับเขาได้เลย ไม่มีเหตุที่จะทำให้ผลอย่างนั้นเกิด
เวลาที่เราอ่านหนังสือพิมพ์ พบสิ่งที่เป็นข่าวร้ายต่างๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ให้ทราบว่า ถ้าเขาเหล่านั้นไม่ได้ทำกรรมที่จะให้ผลอย่างนั้นเกิด ใครก็ทำอย่างนั้นให้ไม่ได้ ไม่ทราบใครอ่านเรื่องคนที่ติดอยู่ในลิฟท์ ๓ ชั่วโมงบ้างหรือเปล่า หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าว ติดอยู่ที่คอหรืออย่างไร ความวิจิตรของกรรม ที่จะให้ผลขณะไหน เมื่อไร ไม่มีใครทำ และกรรมก็ทำได้วิจิตรจริงๆ จะให้ผลแบบไหน ใครลองคิดดู กี่คนจะเป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ก็แนบเนียนที่สุด ทำได้ตามกำลังความวิจิตรของกรรมนั้นๆ เวลาที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเกิดขึ้น ทำให้เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ เป็นผลของอกุศลกรรม ถ้าเห็นสิ่งที่น่าพอใจ เป็นผลของกุศลกรรม และทุกคนก็อยากที่จะได้ผลของกุศลกรรมทั้งหมดเลยทุกวัน แล้วแต่กรรม เมื่อไรที่ได้สิ่งที่น่าพอใจ ก็รู้ว่าเพราะกรรมที่ได้ทำมา แต่สิ่งนี้ก็ไม่เที่ยง สักครู่หนึ่งก็อาจจะเป็นผลของอกุศลกรรมก็ได้
อย่างเวลารับประทานอาหารอร่อยๆ ก็มีเผ็ดพริก ก็มีก้อนกรวดเล็กๆ หรืออะไรก็ได้ ก็ให้เห็นว่าไม่มีใครสามารถที่จะทำให้จิตชนิดไหนเกิดได้เลย นอกจากเหตุในอดีต ที่ได้ทำแล้ว ถึงกาลที่จะให้ผลเมื่อไร ผลนั้นก็ต้องเกิด ก็เป็นผู้ที่มั่นคงในกรรม และผลของกรรม แล้วก็ไม่ใช่เป็นผู้ที่เลื่อนลอย คือ พูดไปเฉยๆ ว่าแล้วแต่กรรม และผลของกรรมก็คิดกันไปต่างๆ นานา แต่ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดที่จะรู้ว่า ผลของกรรม คือ ขณะที่เห็น ขณะที่ได้ยิน ขณะที่ได้กลิ่น ขณะที่ลิ้มรส ขณะที่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เพราะรูปที่จะเป็นทาง ให้ผลของกรรมเกิด คือวิบากจิตเกิด รูปนั้นๆ เกิดจากกรรม กรรมทำให้ตาเกิดขึ้น หู จมูก ลิ้น กาย เกิดขึ้น เป็นทางรับผลของกรรม

