ชีวิตมี ๒ ส่วน
จริงๆ แล้ว ทุกคนเมื่อได้กระทำเหตุ คือ กรรม กรรมนั้นแหละเมื่อเป็นเหตุ แล้วก็จะเป็นปัจจัยให้จิตอีกประเภทหนึ่งซึ่งเป็นวิบากเกิดขึ้น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ให้ทราบว่า นี่เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำไว้ ไม่มีอิทธิพลใดๆ เลยทั้งสิ้นมากระทำ เพราะว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน จริงๆ
ถ้าเป็นผู้มั่นคงในกรรม ทุกคนจะทำกรรมดี เพราะเห็นโทษของอกุศลกรรม ถ้าเป็นผู้ที่เชื่อมั่นในกรรมจริงๆ ซึ่งการจะเชื่อมั่นในกรรม ไม่ใช่ให้เราคิดถึงเหตุการณ์ยาวๆ วันหนึ่งหรือช่วงหนึ่ง แต่ทุกขณะจิตที่แตกย่อยออกมาเป็นชั่วขณะหนึ่งๆ ให้ทราบว่า ไม่มีใครจะบันดาลให้เกิดได้เลย นอกจากมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เห็น ก็ต้องเป็นเพราะกรรมทำให้เห็น ได้ยินก็ต้องเป็นเพราะกรรมทำให้ได้ยิน แล้วก็เป็นกรรมของตัวเองด้วย
ช่วงหนึ่งของชีวิตก็มี ๒ ส่วน คือ ส่วนหนึ่งเป็นผลของกรรม และอีกส่วนหนึ่งที่เห็นแล้ว ได้ยินแล้ว ได้กลิ่นแล้ว ลิ้มรสแล้ว กระทบสัมผัสซึ่งเป็นวิบาก เป็นผลของกรรมแล้ว ก็ยังมีความพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้างในสิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน เป็นต้น เพราะฉะนั้น นี่เป็นอีกตอนหนึ่งซึ่งเป็นเหตุที่จะเกิดกรรม ที่จะทำให้เกิดผลข้างหน้า ถ้าเห็นแล้วเกิดอกุศล ก็จะเป็นช่องทางที่จะทำให้อกุศลกรรมเกิดขึ้น แล้วก็จะทำให้เกิดอกุศลวิบาก คือ ผลของอกุศลกรรมนั้นอีก วนเวียนไปเรื่อยๆ
รับฟัง ... เจ้ากรรมนายเวร

