เจ้ากรรมนายเวร


    ศุกล ผมขอเรียนถามท่านผู้ฟังเมื่อกี้นี้เกี่ยวกับภายหลังได้ทำกุศล ไม่ว่าจะเป็นทาน ถวายสิ่งของต่างๆ มักจะมีผู้กล่าวนำว่า ควรอุทิศส่วนกุศลให้กับ “เจ้ากรรมนายเวร” อยากให้ท่านอาจารย์อธิบายให้เข้าใจคำว่า “เจ้ากรรมนายเวร” กับ “ผู้มีพระคุณในอดีตอนันตชาติ” ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรครับ

    ท่านอาจารย์ ที่ทุกคนเกิดมานั่งที่นี่ เจ้ากรรมนายเวรทำให้เกิดขึ้นหรือเปล่าคะ ต้องคิดตั้งแต่ขณะแรกที่เราเกิดมาในโลกนี้เลย มีเจ้ากรรมนายเวรไหนที่ทำให้เราเกิด มีไหมคะ

    ศุกล จากที่ได้ศึกษามาก็บอกว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง หมายความว่ามีการกระทำทั้งที่เป็นบุญ และเป็นบาป

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นไม่มีเจ้ากรรมนายเวรแน่ที่ทำให้เราเกิดมา ใช่ไหมคะ เราเกิดมาเพราะกรรมที่เราได้ทำแล้ว ซึ่งเลือกไม่ได้ด้วย เพราะว่ากรรมในวันหนึ่งๆ มีมาก ทางกาย ทางวาจา ทางใจ แล้วชาติหนึ่งจะมีกรรมสักเท่าไร แล้วเราเกิดมากี่ชาติแล้วในแสนโกฏิกัปป์นับไม่ถ้วน แต่ว่ากรรมหนึ่งกรรมเดียวเท่านั้นที่สุกงอมพร้อมที่จะให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น โดยที่เราเลือกไม่ได้ แต่ละคนที่นั่งอยู่ในที่นี้จะมีกรรมที่จะทำให้เกิดเป็นเทวดา มีกรรมที่จะทำให้เกิดเป็นเปรต มีกรรมที่จะทำให้เกิดในนรก มีกรรมที่จะทำให้เกิดเป็นเศรษฐี มีกรรมที่จะทำให้เกิดยากไร้ แต่ว่าทำไมต่างกัน เพราะเหตุว่าแล้วแต่กรรมหนึ่งกรรมใดจะสุกงอมพร้อมที่จะเกิดเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ ก็เป็นเฉพาะชาตินี้ ช่วงนี้เท่านั้นที่จะเป็นคนนี้ เมื่อสิ้นกรรมนี้ ถึงแก่กรรม หมดแล้ว ก็จะมีกรรมอื่นซึ่งสุกงอมพร้อมที่จะให้ ปฏิสนธิจิตเกิดเป็นบุคคลใหม่ต่อไป

    เพราะฉะนั้นไม่มีเจ้ากรรมนายเวรที่จะให้ใครเกิดมา นี่เป็นของที่แน่นอน เป็นกรรมของเราเอง นี่ ๑ ขณะที่เกิด และกรรมก็ทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ เพราะว่าปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นเป็นขณะแรกแล้วดับไป แต่กรรมก็ยังทำให้ดำรงภพชาติของความเป็นบุคคลนี้ ยังไม่ให้ตาย ยังให้จิตเกิดดับสืบต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การกระทบสัมผัส การคิดนึก ซึ่งเป็นชีวิตประจำวัน ทางตาที่เห็น ก็เป็นเพราะกรรมหนึ่ง ทำให้จักขุวิญญาณเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ถ้าเป็นผลของกุศล ก็ทำให้เห็นสิ่งที่ดี ถ้าเป็นผลของอกุศล ก็ทำให้เห็นสิ่งที่ไม่ดี มีเจ้ากรรมนายเวรไหนที่จะทำให้เรา หลังจากปฏิสนธิจิตแล้ว ยังไม่ให้ตาย เจ้ากรรมนายเวรทำได้ไหม นอกจากกรรมนั้นที่เมื่อยังมีโอกาสเป็นบุคคลนั้น ก็ให้เป็นบุคคลนั้นไปตราบจนกว่าจะหมดกรรมนั้น เจ้ากรรมนายเวรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย และแม้แต่การเห็น เจ้ากรรมนายเวรก็ทำให้เราเห็นไม่ได้ ใช่ไหมคะ มีจักขุปสาทเกิดเพราะกรรม เวลาที่ใครไม่มีจักขุปสาท คือคนตาบอด ก็แสดงว่าไม่มีกรรมที่ทำให้จักขุปสาทรูปเกิด คนนั้นจึงตาบอด ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรไหนที่จะสร้างตา ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรไหนที่จะสร้างหู จมูก ลิ้น กาย ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะกรรม

    เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว ทุกคนเมื่อได้กระทำเหตุ คือ กรรม กรรมนั้นแหละเมื่อเป็นเหตุแล้วก็จะเป็นปัจจัยให้จิตอีกประเภทหนึ่งซึ่งเป็นวิบากเกิดขึ้น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ให้ทราบว่า นี่เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำไว้ ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรจะมามีอิทธิพลใดๆ เลยทั้งสิ้น เพราะว่าทุกคนมีกรรมเป็นของของตนจริงๆ

    ถ้าเป็นผู้มั่นคงในกรรม ทุกคนจะทำกรรมดี เพราะเห็นโทษของอกุศลกรรม ถ้าเป็นผู้ที่เชื่อมั่นในกรรมจริงๆ ซึ่งการจะเชื่อมั่นในกรรม ไม่ใช่ให้เราคิดถึงเหตุการณ์ยาวๆ วันหนึ่งหรือช่วงหนึ่ง แต่ทุกขณะจิตที่แตกย่อยออกมาเป็นชั่วขณะหนึ่งๆ ให้ทราบว่า ไม่มีใครจะบันดาลให้เกิดได้เลย นอกจากมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เห็น ก็ต้องเป็นเพราะกรรมทำให้เห็น ได้ยินก็ต้องเป็นเพราะกรรมทำให้ได้ยิน แล้วก็เป็นกรรมของตัวเองด้วย

    เพราะฉะนั้นช่วงหนึ่งของชีวิตก็มี ๒ ส่วน คือ ส่วนหนึ่งเป็นผลของกรรม และอีกส่วนหนึ่งที่เห็นแล้ว ได้ยินแล้ว ได้กลิ่นแล้ว ลิ้มรสแล้ว กระทบสัมผัสซึ่งเป็นวิบาก เป็นผลของกรรมแล้ว ก็ยังมีความพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้างในสิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน เป็นต้น

    เพราะฉะนั้นนี่เป็นอีกตอนหนึ่งซึ่งเป็นเหตุที่จะเกิดกรรม ที่จะทำให้เกิดผลข้างหน้า

    เพราะฉะนั้นเราจะรู้เลยว่า ถ้าเห็นแล้วเกิดอกุศล ก็จะเป็นช่องทางที่จะทำให้อกุศลกรรมเกิดขึ้น แล้วก็จะทำให้เกิดอกุศลวิบาก คือ ผลของอกุศลกรรมนั้นอีก วนเวียนไปเรื่อยๆ และเจ้ากรรมนายเวรจะอยู่ที่ไหน


    หมายเลข 8162
    13 ก.พ. 2567