สะสมอกุศลแล้วมากมายเท่าไร
เราไม่มีทางที่จะคิดได้ว่า สภาพธรรมไม่ใช่ตัวตน เพราะเหตุว่าเป็นธรรมแต่ละลักษณะ ซึ่งเกิดเพราะมีเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป จนกว่าจะได้ฟัง ฟังแล้วละกิเลสหรือไม่ กิเลสมากมาย ถ้าไม่รู้ จะไม่รู้เลยว่ามากระดับไหน เพียงแค่ฟัง ปัญญาเท่านี้ไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลยทั้งสิ้น แต่จากการสะสมการรู้ประโยชน์ว่าตลอดชีวิตในสังสารวัฏฏ์สะสมอกุศลไว้มากมายเหลือเกิน แล้ววันนี้ก็สะสมอีก ต่อไปก็สะสมอีก กว่าจะถึงขณะสุดท้ายของโลกนี้ ชาตินี้ ก็ไม่รู้ว่า สะสมอกุศลแล้วมากมายเท่าไร แล้วใครจะทำให้อกุศลที่สะสมอยู่ในจิตหมดไปได้ ก็พอกพูนต่อไปในชาติต่อๆ ไป ซึ่งถ้ามีมาก ก็เป็นเหตุให้กระทำทุจริตกรรมทางกาย แม้เล็กน้อย ทางวาจา แม้เล็กน้อย สะสมด้วย เล็กน้อยแค่ไหนก็สะสม แล้วทางใจก็สะสมด้วย
แต่ละคนไม่มีใครจะไปจัดการชีวิตของคนอื่นได้ แม้แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนจิตของแต่ละคนที่สะสมอกุศลมามากๆ ไม่ให้กรรมที่ได้กระทำแล้วเป็นปัจจัยให้เกิดในที่ต่างๆ กัน ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เลย เพียงแต่ว่าเมื่อทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงแสดงความจริงของสภาพธรรม ซึ่งผู้ที่สะสมบุญมาแล้วมีโอกาสได้ยินได้ฟัง มีความเข้าใจธรรมว่า ไม่ใช่ใครเลย เป็นจิตซึ่งเกิดแต่ละขณะ และแต่ละขณะสะสมอกุศลมามากแค่ไหน ถ้าขณะนี้ไม่สะสมปัญญาที่เริ่มเห็นถูก ก็ไม่มีทางที่อกุศลที่สะสมมาเบาบางลงไปได้

