ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๖๗

 
khampan.a
วันที่  2 มิ.ย. 2567
หมายเลข  47804
อ่าน  1,312

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๖๗



~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม ไม่ว่าพระองค์จะทรงพบปะใครที่ไหนแม้แต่ในโรงช่างหม้อหรือที่ที่มีความเห็นผิด แต่พระองค์ทรงเห็นประโยชน์อย่างยิ่ง แม้ใครเห็นผิดก็ตาม ถ้าเขาสามารถที่จะเข้าใจถูกต้องได้ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ พระองค์ทรงเป็นยอดกัลยาณมิตร ไม่มีใครที่จะเป็นผู้ที่หวังดีกับใครสูงสุดเท่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งที่มีจริงเป็นธรรม ใครเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย ซึ่งเป็นอนัตตาไม่ใช่ของใครจริงๆ ชั่วคราว เกิดมีแล้วก็หมดไปเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้น คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องเริ่มเข้าใจตั้งแต่สิ่งที่มีจริงเป็นธรรม ถ้าไม่เกิดก็ไม่มี แต่เมื่อเกิดแล้ว ก็ไม่ยั่งยืน หมดสิ้นไป ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร

~ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่แต่ละพระชาติ และบารมีก็ยากยิ่งที่ใครจะทำได้ แต่พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญเพื่อเราจะได้ฟังคำของพระองค์ ไม่ใช่เพียงเพื่อพระองค์จะได้ตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว แต่ยังเห็นประโยชน์ว่าสัตว์โลกไม่มีทางที่จะเข้าใจสิ่งที่มีทุกขณะในชีวิตถ้าพระองค์ไม่ตรัสไม่อนุเคราะห์ ด้วยเหตุนี้ โอกาสใดที่มีโอกาสจะได้ฟัง ก็ฟังด้วยความเคารพ ด้วยความไตร่ตรอง ด้วยความมั่นคง ด้วยการกล้าที่จะกล่าวคำของพระองค์เพื่อที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระองค์ด้วย

~ ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ทุกคนก็ยังคงมีความหวังดีต่อไป มีความเป็นมิตรต่อไป ใครจะรักใครจะชังไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ที่สำคัญกว่านั้น คือ ความเข้าใจถูกต้อง เพราะเหตุว่า ทุกคนมีอกุศลมากเหมือนยืนอยู่ที่ปากเหว จะตกลงไปหรือว่าจะถอยกลับที่จะไม่ตกลงไป เพราะเหตุว่าที่มีความเห็นผิดในชาตินี้แล้วมีหรือที่ชาติต่อไปจะไม่เห็นผิดต่อไปอีก

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา" แค่ประโยคนี้ ถ้าเราไม่ทิ้ง จะคุ้มครองเราไม่ให้ตกไปในทางที่ผิด จะประคับประคองไป

~ ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนตาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มี ละเอียดเกินกว่าที่ใครจะคิดหวัง คาดคะเนเอาเองได้ เพราะอาศัยพระปัญญาคุณ ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี ที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม สิ่งที่ปรากฏ ความจริงของสิ่งนั้น คือ อะไร พระองค์ทรงแสดงไว้ เพื่อที่จะให้คนที่เห็นประโยชน์ว่าเกิดมาแล้ว ก่อนจะจากโลกนี้ไปสมควรอย่างยิ่งที่จะเข้าใจสิ่งที่มี ดีกว่าเกิดมาสุขทุกข์ชั่วคราว ลาภ ยศ สรรเสริญ เดี๋ยวมี เดี๋ยวหมด แล้วก็จากโลกนี้ไป เอาอะไรไปไม่ได้เลย

~ ตั้งต้นเข้าใจธรรมเดี๋ยวนี้ เกิดจึงมี แล้วก็หมดไป เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษา เราฟังไม่กี่คำ ใช่ไหม? แต่ยังมีคำอีกมาก ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้ว ก็จะทำให้เข้าใจมั่นคงยิ่งขึ้นว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราแล้วก็เป็นอนัตตาด้วย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร

~ โอกาสที่จะทำความดีเมื่อไหร่ ถ้าไม่ทำขณะนั้นก็เป็นอกุศล ก็สะสมอกุศลต่อไป เพราะฉะนั้น ผลที่เห็นก็คือว่าชีวิตที่ยากเข็ญของชาวโลกทั้งหมด ซึ่งต้องเป็นไปตามกรรม เพราะไม่รู้ว่าเหตุไรจึงเป็นอย่างนั้น แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจและเห็นโทษของความไม่รู้ ก็จะเริ่มเข้าใจความจริง และปัญญานั้นก็จะค่อยๆ ละความไม่รู้ จนกระทั่งสามารถที่จะละความเห็นแก่ตัว เพราะรู้ว่าไม่มีตัว

~ ก่อนที่เราจะเกิดเป็นคนนี้ในชาตินี้ ชาติก่อนคือใคร อยู่ที่ไหน โศกเศร้าเสียใจดีใจมีญาติพี่น้องในอดีต มีความสนิทสนมคุ้นเคย มีทรัพย์สมบัติมีทุกอย่าง แล้วก็หามีไม่ ทุกขณะก็กำลังเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น วันนี้ทุกอย่างที่กำลังปรากฏ จริงชั่วขณะที่มี แต่ว่าค่อยๆ ผ่านไปทีละขณะๆ จนถึงพรุ่งนี้ สิ่งที่มีในวันนี้เดี๋ยวนี้ ก็ไม่เหลือเลยไม่มีการที่จะย้อนกลับได้อีกเลย และแต่ละขณะในสังสารวัฏฏ์ก็เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น การได้ยินได้ฟังสิ่งที่ทำให้ไตร่ตรองจนกระทั่งมีความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต

~ ใครให้สิ่งดีๆ ชอบใช่ไหม? ทุกคนชอบมาก อาหารอร่อย เสียงเพราะ กลิ่นหอม เขาเอามาให้ ได้รับอาจจะพิเศษมาก คิดบ้างไหมว่าทุกอย่างเพื่อละ แต่ขณะนั้นกำลังติดพอใจ แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาละได้ ตลอดเวลาก็แสวงหาแต่สิ่งที่น่าพอใจ แม้แต่ชื่อเสียง เป็นที่นับถือ ยินดีไหมหรือว่าเป็นสิ่งที่จะต้องละความติดข้องความยินดี

~ ทรัพย์สมบัติมหาศาล เป็นของเราจริงๆ หรือ? ในเมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย ยังไม่ใช่ของเรา แล้วสิ่งภายนอกอย่างนั้นจะเป็นของเราได้อย่างไร ได้เข้าใจอย่างนี้เป็นประโยชน์สูงสุดไหม เคารพในความจริงไหม ไม่ไปเคารพอย่างอื่นเลย

~ ส่วนใหญ่คนหวังแต่สิ่งดีๆ แสวงหาแต่สิ่งที่ดีๆ พอใจในสิ่งที่ดีๆ แต่คนที่มีปัญญาในสมัยโน้น รู้เลย ห้ามเทวดา อย่าเอามาให้ เพราะเป็นเรื่องติด ยิ่งได้รับอะไรมากก็ยิ่งติดถ้าไม่เห็นโทษว่าความติดข้องนำมาซึ่งความทุกข์ไม่สิ้นสุดคือการเกิด

~ กายเป็นสุข แต่ใจเป็นทุกข์เหลือเกินได้ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล มีทุกสิ่งทุกอย่างแต่ใจทุกข์เหลือเกิน หรือว่า ต่อให้ลำบากสักเท่าไหร่ ใจไม่เป็นทุกข์ อย่างไหนดี?

~ ถ้ามีคนกล่าวร้ายหรือพูดสิ่งที่ไม่ดีต่อหน้าหรือลับหลังท่านก็ตามแต่ ถ้าโกรธเมื่อไหร่ไม่ใช่เขาร้ายเท่านั้นเราร้ายด้วย แต่ลืมสนิท ขณะที่คนอื่นร้ายคนอื่นไม่ดี ขณะนั้นเราดีหรือเปล่าหรือเหมือนกัน?

~ การฟังพระธรรมโดยการเคารพสูงสุดในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อได้เห็นคุณค่าแล้ว มีความเป็นเพื่อนที่ดีอยากให้คนอื่นรู้ความจริง ด้วยประการทั้งปวง ไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้นในความเป็นจริง จะกลัวอะไร ไม่มีใครสามารถที่จะทำให้ใครเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือว่าสิ้นชีวิตลงได้เมื่อไม่มีปัจจัยสำหรับคนนั้นที่จะต้องเป็นอย่างนั้นแล้วเราจะไปหวังร้ายกับใคร จะไปโกรธใครได้อย่างไร ในเมื่อรู้ความจริงว่าไม่มีใคร เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเห็นอะไร ก็เป็นธรรมทั้งหมด ถ้าไม่เป็นธรรมขณะนั้นจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ไม่ว่าจะเลวร้ายสักปานใดก็เพราะเป็นธรรมที่สะสมมาจนถึงระดับนั้น

~ ความไม่รู้ ทำให้เกิดความติดข้อง ทำให้เกิดอกุศล ทำให้เกิดกิเลสมากมาย ทำให้เกิดความเห็นแก่ตัวทุกอย่าง แต่ความรู้คือปัญญา ตรงกันข้ามกับความไม่รู้ เริ่มละคลายความติดข้อง เพราะฉะนั้น บุญกุศลทั้งหลาย ก็เจริญขึ้น เพราะไม่ติดข้อง เพราะรู้ความจริงว่า แต่ละอย่าง ก็เป็นแค่ธรรม

~ มีใครบ้างเกิดแล้วไม่ตาย ทั้งๆ รู้ แล้วอย่างไร? จะอยู่ไปโดยไม่รู้ต่อไปหรือว่าจะมีชีวิตอยู่ก็เป็นประโยชน์เมื่อรู้เมื่อเข้าใจความจริง ไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า ในบรรดาสิ่งที่เกิดทั้งหมด ปัญญาประเสริฐที่สุด เพราะถ้ามีปัญญาเมื่อไหร่ ไม่มีทุกข์ เพราะรู้ความจริง ว่า ไม่มีเรา แค่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

~ อยู่ในโลกต่อไป เห็นต่อไป คิดต่อไป รับประทานอาหารต่อไป แต่ไม่เคยรู้ความจริงเลยเหมือนชาติก่อนๆ กับ การได้มีโอกาสได้เริ่มฟังพระธรรม เริ่มเข้าใจ อะไรเป็นประโยชน์?



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๖๖




... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 2 มิ.ย. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มังกรทอง
วันที่ 2 มิ.ย. 2567

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
jaturong
วันที่ 3 มิ.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Lai
วันที่ 3 มิ.ย. 2567

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และกราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Wisaka
วันที่ 4 มิ.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 4 มิ.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Tathata
วันที่ 6 มิ.ย. 2567

อนุโมทนาและยินดีในกุศลค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ