ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๔๖

 
khampan.a
วันที่  7 ม.ค. 2567
หมายเลข  47237
อ่าน  1,848

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจาก
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๔๖





~ บุคคลผู้ที่มีพระมหากรุณากว่าคนอื่นทั้งหมด ก็คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่าสัตว์โลกมีความไม่รู้ มีความเห็นผิด เข้าใจผิดในธรรม เพราะฉะนั้น จึงทรงพระมหากรุณาแสดงพระธรรม เห็นได้เลยว่า พระธรรมมีประโยชน์ เมื่อมีความเข้าใจแล้วนำมาซึ่งสิ่งที่เป็นกุศลเพิ่มขึ้นทั้งกาย วาจา และใจ

~ กัลยาณมิตร หมายถึง มิตรที่ดี ผู้หวังดีต่อผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น กัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเกื้อกูลให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งเป็นความเข้าใจของบุคคลนั้นนั่นเองที่จะละกิเลสของบุคคลนั้นเอง ใครๆ ก็ไปละความไม่รู้ให้ใครไม่ได้ นอกจากคำที่กล่าวถึงความจริงที่สามารถเข้าใจได้ ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ ยากแสนยากกว่าจะได้มาแต่ละคำ ทำให้ผู้ฟังสามารถไตร่ตรองและเป็นปัญญาของผู้ฟังเอง ที่สำคัญที่สุด คือ สามารถทำให้เกิดปัญญาความเห็นถูกเป็นของตนเอง เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด ไม่ใช่ไปเชื่อใคร หรือใครบอกแล้วก็เชื่อ โดยไม่ใช่ความรู้ความเข้าใจของตัวเอง

~ ลาภอื่นๆ ก็ไม่ได้ติดตามไปถึงชาติหน้า แต่ว่าความเข้าใจธรรมที่สะสมมา ก็จะทำให้เป็นผู้ที่มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมได้เข้าใจขึ้น จนกระทั่งสามารถอบรมเจริญปัญญามีความมั่นคงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างชั่วคราว เกิดมาก็ชั่วคราว ก็จะต้องจากความเป็นบุคคลนี้ไป ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน

~ ความไม่รู้ ทำให้เกิดความติดข้อง ทำให้เกิดอกุศล ทำให้เกิดกิเลสมากมาย เกิดความเห็นแก่ตัวทุกอย่าง แต่ความรู้คือปัญญา ตรงกันข้ามกับความไม่รู้ เริ่มละคลายความติดข้อง เพราะฉะนั้น บุญกุศลทั้งหลายก็เจริญขึ้นเพราะไม่ติดข้อง เพราะรู้ความจริงว่า แต่ละอย่างก็เป็นแค่ธรรม

~ เมตตา จำกัดไหมว่าต้องเฉพาะคนดี? เมตตาคือความเป็นมิตร ความหวังดี การทำประโยชน์เกื้อกูลทันทีที่สามารถทำได้ เมตตาจำปรารถนาหรือมีประโยชน์ในที่ทั้งปวง ไม่เว้นเลย

~ ถ้าไม่เคยสะสมมาที่จะมีฉันทะที่จะมีศรัทธาที่จะเห็นประโยชน์ที่จะฟังต่อไปอีกให้เข้าใจขึ้น ก็ไม่สามารถไปฝืนได้ เพราะไม่ได้สะสมมา แม้ได้ยินก็ยังไม่ฟัง นี่ก็แสดงให้เห็นว่าการได้ยินได้ฟังต้องมีเหตุปัจจัยด้วย เพราะฉะนั้น จะเห็นค่าของพระธรรมที่สูงกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด เป็นรัตนะที่เหนือสิ่งใด ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ แล้ว ใครเอาเงินทองทรัพย์สินมาแลก ยอมแลกไหม ถามดูจริงๆ ให้กลับไปไม่รู้อย่างเดิม?

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงมีประโยชน์เกื้อกูลให้ระลึกพิจารณาให้ถ่องแท้ เพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นด้วย มิฉะนั้นแล้ว ถ้าบุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้าใจผิดและชักชวนบุคคลอื่นให้เข้าใจผิดปฏิบัติผิดตามๆ กันไป ผู้นั้นย่อมหมดโอกาสที่จะได้เข้าใจพระธรรม โดยถูกต้อง

~ อวิชชาเป็นสภาพที่มืด ทำให้ไม่รู้ความจริง ไม่เห็นว่าอกุศลเป็นอกุศล และไม่เห็นหนทางที่ถูกที่ชอบที่ควรจะกระทำ ทำให้คิดก็คิดผิด ทำก็ทำผิด พูดก็พูดผิด แต่ขณะใดที่ปัญญาเกิดขึ้น ขณะนั้นเห็นอกุศล และยังเห็นความน่ารังเกียจของอกุศล เห็นโทษของอกุศลตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ขณะนั้นเป็นผู้ที่คิดถูก ทำถูก พูดถูก

~ เป็นผู้ตรงต่ออกุศลธรรมที่สะสมมา เห็นอกุศลที่มีในตนว่าบุคคลอื่นไม่สามารถจะละให้ได้ แล้วเห็นว่าอกุศลธรรมนั้นเป็นโทษจริงๆ เป็นอกุศลที่ควรดับให้หมด การเห็นโทษของอกุศลในขณะนั้น จะเป็นปัจจัยทำให้สภาพของกุศลจิตเกิดขึ้นแทนอกุศลในขณะนั้น

~ อกุศลแม้เล็กน้อยนิดเดียวเกิดเมื่อไหร่ ก็เบียดเบียนจิตให้เดือดร้อนโดยไม่รู้ แต่พอเป็นอกุศลมากๆ ก็กระทำทุจริต ขณะนั้นเบียดเบียนแรง เพราะฉะนั้น ผลของอกุศลกรรม ก็ทำให้ไปสู่อบายภูมิ

~ ควรที่จะได้ระลึกว่าความดีที่ได้ทำมาแล้วทั้งหมด ไม่พอ ทำเท่าไหร่ก็ยังไม่พออยู่นั่นเอง ถ้าเทียบกับอกุศลจิตที่เกิด ในวันหนึ่งๆ ความดีที่ได้ทำ เล็กน้อยเหลือเกิน

~ การเกิดเป็นมนุษย์ ชีวิตจะสั้นจะยาวแค่ไหนไม่มีใครรู้ได้ แต่เมื่อมีโอกาสได้ฟังพระธรรมสะสมไปแล้ว ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้เมื่อเกิดต่อไปข้างหน้าชาติไหนชาติหนึ่งหรือชาติหน้า ก็อาจจะมีปัจจัยที่ทำให้ได้ยินได้ฟังอีกที่จะสะสมต่อไปอีก

~ รู้ว่าธรรมยากลึกซึ้ง ก็ฟังต่อไป พิจารณาต่อไป เพราะไม่มีใครจะทำให้ปัญญาความเข้าใจเกิดขึ้นมากกว่านี้ได้ นอกจากแต่ละครั้งที่ได้ฟังแล้วเป็นผู้ตรง เข้าใจแค่ไหนก็ตามเหตุตามปัจจัย จึงฟังอีกเพราะว่า ถ้าไม่ฟังอีกก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจมากกว่านี้ได้

~ การกระทำที่ไม่ดีหรือทุจริตทั้งหมด ก็มาจากจิตที่เป็นอกุศล แล้วใครไม่มีอกุศลจิต? ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะขัดเกลาได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ขัดเกลา ก็เป็นอย่างที่เห็น คือ กระทำผิดต่างๆ มากมาย

~ เมื่อยังไม่เข้าใจธรรม ก็ฟังธรรมให้เข้าใจ ดีกว่าเมื่อไม่เข้าใจธรรมแล้วไปบวชหรือให้คนอื่นบวช


~ ถ้าเห็นนรกจริงๆ จะรู้ว่าอกุศลกรรมทั้งหลายไม่ควรกระทำเลยเพราะเหตุว่าจะต้องได้รับผลที่เป็นทุกข์มาก

~ โกรธดีหรือเปล่า? ไม่ดี ไม่โกรธได้ไหม? มีปัญญาเท่านั้นที่สามารถที่จะดับสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดได้ แต่ถ้าไม่มีปัญญา อย่างไรๆ อกุศลทั้งหลายก็ยังจะต้องมีปัจจัยที่จะเกิดขึ้น

~ จะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้ไหม? ไม่แน่ เพราะฉะนั้น ทำสิ่งที่ดีที่สุดวันนี้ ดีกว่าไหม?




ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๔๕


... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มังกรทอง
วันที่ 7 ม.ค. 2567

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 7 ม.ค. 2567

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
mon-pat
วันที่ 7 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Jans
วันที่ 7 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 7 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 7 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 7 ม.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Kalaya
วันที่ 7 ม.ค. 2567

สาธุ และกราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
shsso2551
วันที่ 8 ม.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ