สติและวิตกเจตสิก

 
บ้านธัมมะ
วันที่  7 ต.ค. 2566
หมายเลข  46735
อ่าน  14

. อย่างกรณีเราออกจากบ้าน เดินไปมีอะไรปรากฏสักอย่างหนึ่งทำให้เราระลึกขึ้นมาได้ว่า เราลืมกระเป๋าสตางค์ เราลืมแว่นตา การระลึกอย่างนี้ถือว่า เป็นสติหรือเปล่า

สุ. ขณะนั้นจิตเป็นอะไร ต้องดูที่จิต จิตเป็นไปในทานหรือเปล่า เป็นไป ในศีลหรือเปล่า เป็นไปในภาวนาหรือเปล่า เป็นไปในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ ขณะนั้นต้องเป็นอกุศล วันหนึ่งๆ คิดไปเถอะ อกุศลทั้งนั้น นอกจากขณะใดที่เป็นไปในบุญกิริยาวัตถุ เมื่อนั้นจึงจะเป็นไปในกุศลจิต

. ถ้าลักษณะอย่างนี้ไม่เป็นสติ เรียกว่าเป็นอะไร

สุ. วิตกเจตสิก

. การระลึกถึงเรื่องที่ผ่านมาในอดีตแม้นานได้ แต่ไม่ได้เป็นไปในทาน ในศีล ในภาวนา ในทางกุศล ในทางที่ดี ก็เป็นวิตกเจตสิก

สุ. ข้อสำคัญที่คิดนั้น คิดด้วยกุศลหรือคิดด้วยอกุศล

. เป็นทั้งกุศล และอกุศล

สุ. ต้องเจริญสติปัฏฐานจึงจะรู้ ตอบได้ กุศลก็ได้ อกุศลก็ได้ แต่ใครจะรู้จริงๆ ถ้าสติปัฏฐานไม่เกิดในขณะนั้น

. ความคิดนั้น คิดทั้งในเรื่องที่ดี และเรื่องที่ไม่ดี

สุ. และสลับกันด้วย ใช่ไหม ถ้าคิดถึงเมื่อครั้งที่ไปนมัสการสังเวชนียสถาน มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เป็นความปลาบปลื้มปีติยินดีอย่างไร ก็ขอให้พิจารณาว่า มีอกุศลแทรกคั่นบ้างไหม มีความสำคัญตนเกิดขึ้นบ้างไหม มีความติดในรูปหนึ่ง รูปใดบ้างหรือเปล่า ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด เป็นนามธรรม ซึ่งไม่มีรูปร่างลักษณะให้พิสูจน์ด้วยตา หรือว่าให้ได้ยินด้วยหู เพราะฉะนั้น ก็คิดถึงสภาพความละเอียดของนามธรรมซึ่งไม่มีรูปปะปนเลยสักประเภทเดียว และเกิดขึ้นอย่างสั้นมาก เพียงชั่วขณะ สั้นที่สุด รูปๆ หนึ่งซึ่งดับไปเร็วมากก็ยังมีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ เพราะฉะนั้น ชวนวิถีจิต ๗ ขณะ จะเร็วสักแค่ไหนที่จะรู้ได้ว่า ขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล ก็ต้องอาศัยการเจริญสติปัฏฐานอย่างเดียว มิฉะนั้นแล้วก็เป็นการกล่าวโดยประมาณ ใช่ไหม แต่ไม่ใช่โดยการรู้ลักษณะสภาพของจิตที่กำลังปรากฏจริงๆ ในขณะนั้น

@ สติเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ