เข้าใจสับสนเรื่องสติ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  7 ต.ค. 2566
หมายเลข  46734
อ่าน  13

. เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะส่วนมากชาวบ้านมักจะเข้าใจสับสนจริงๆ เรื่องสติ ถ้าเป็นคนหลงๆ ลืมๆ เขาก็ว่าไม่มีสติ ซึ่งความจริงคงไม่เข้าข่ายของสติที่ พูดถึง

สุ. ด้วยเหตุนี้ ความเข้าใจพระพุทธศาสนาในยุคนี้สมัยนี้จึงกล่าวได้ว่า สับสน ถ้าไม่ศึกษาโดยละเอียดจริงๆ

. ทั้งกุศลจิต และอกุศลจิตต่างก็มีวิตกเจตสิก แต่กุศลจิตมีสติเพิ่มขึ้น อีกตัวหนึ่ง ส่วนอกุศลจิตไม่มีสติ เวลาที่นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานานแล้วก็เป็นได้ ทั้งอกุศล และกุศล แต่เวลาปฏิบัติจริงๆ จะสังเกตเทียบเคียงอย่างไรจึงจะเห็นว่า ขณะนั้นเป็นสติ หรือเป็นแค่วิตกเจตสิกเท่านั้น

สุ. สำหรับวิตกเจตสิก เป็นองค์หนึ่งในมรรคมีองค์ ๘ ด้วย และสติก็เป็นองค์หนึ่งในมรรคมีองค์ ๘ ด้วย สำหรับวิตกเจตสิกเป็นปกิณณกเจตสิก คือ เกิดกับ จิตได้เกือบทุกดวง แต่ไม่ใช่สัพพจิตตสาธารณเจตสิก เพราะถ้าเป็นสัพพจิตตสาธารณเจตสิกต้องเกิดกับจิตทุกดวง แต่เมื่อวิตกเจตสิกเป็นอัญญสมานาเจตสิก ประเภทปกิณณกเจตสิก ก็ย่อมเกิดได้ทั้งที่เป็นอกุศลจิต กุศลจิต วิบากจิต และกิริยาจิต นั่นคือวิตกเจตสิก

เวลาที่อกุศลจิต เช่น โลภมูลจิตเกิด ก็ต้องมีสัพพจิตตสาธารณเจตสิก และต้องมีวิตกเจตสิกซึ่งเป็นปกิณณกเจตสิก และเพิ่มอกุศลเจตสิก คือ ต้องมีโลภเจตสิกรวมอยู่ด้วย มิฉะนั้นจิตนั้นก็ไม่เป็นโลภมูลจิต ฉันใด ทางฝ่ายกุศล แทนที่จะมี โลภเจตสิก ก็เป็นสติเจตสิก และโสภณเจตสิกอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยทำให้กุศลจิตเกิดขึ้นขณะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะขาดวิตกเจตสิกทั้งฝ่ายอกุศลจิต คือ โลภมูลจิต และโทสมูลจิต แต่ทางฝ่ายโสภณจิตนั้นมีวิตกเจตสิก ไม่มีโลภะ แต่มีศรัทธา มีสติ และมีโสภณสาธารณเจตสิกอื่นๆ

@ สติเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ