ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๓๑

 
khampan.a
วันที่  24 ก.ย. 2566
หมายเลข  46595
อ่าน  3,192

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจาก
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๓๑




~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ ทุกอย่าง เห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่ง จึงตรัสว่า ธรรม ลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ได้ แต่ก็สามารถค่อยๆ เข้าใจได้

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสทุกคำ ไม่ใช่ให้จำ แต่ให้รู้ความจริง ตรัสเรื่องเห็น เรื่องได้ยิน เรื่องคิด เรื่องจำ เรื่องชอบ เรื่องไม่ชอบ คนฟังเริ่มรู้ว่าเป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง

~ ถ้าไม่มีความเข้าใจตั้งแต่ต้นในเรื่องสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ก็ไม่มีทางที่จะมีขณะที่เริ่มเข้าใจตรงสิ่งที่กำลังมี ว่า เป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นสิ่งที่มีจริงอย่างนั้นเท่านั้น

~ พระพุทธศาสนา ไม่ได้สอนให้มีสำนักปฏิบัติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสให้ใครไปนั่งไปนอนไปเดินแล้วจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมละกิเลสได้ แต่พระองค์ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา เช้า สาย บ่าย ค่ำ ไม่ว่าคนที่ไปเฝ้าพระองค์จะเป็นคนระดับไหน แม้แต่เทพ พรหม ก็มาเฝ้า เพราะเหตุว่าพระองค์เป็นผู้ที่เหนือบุคคลใดในสากลจักรวาล

~ คำสอนทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้โลกซึ่งมืดด้วยความไม่รู้ ได้เข้าใจความจริงทั้งหมดทุกอย่างที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว เพราะฉะนั้น ทุกคำของพระองค์สำหรับศึกษาสำหรับฟังด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เพราะลึกซึ้ง ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อน

~ ผู้ที่ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพเท่านั้น ที่จะเห็นถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในทุกคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ซึ่งต้องศึกษาอย่างละเอียดมาก ด้วยความเคารพ เพราะใครจะมีปัญญาที่จะสามารถเข้าใจคำที่พระองค์ตรัส โดยไม่ศึกษาอย่างละเอียด?

~ การบูชาสูงสุดให้ตรงตามพุทธประสงค์ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีกว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ทุกครั้งที่ได้เข้าใจธรรมเป็นเหตุที่จะทำให้ประพฤติปฏิบัติตาม เป็นการบูชาที่สูงสุด

~ ตกอยู่ในความมืดมานาน ไม่รู้อะไรเลยทุกชาติไปในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะได้มีโอกาสฟังพระธรรม ซึ่งแต่ละคำก็เป็นแสงสว่างที่ส่องให้เห็นความจริงของสิ่งที่กำลังมีทุกขณะ

~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีค่ามหาศาล นับคุณค่า ประเมินประมาณไม่ได้เลย เพราะว่าทำให้จากความไม่รู้ ก็ค่อยๆ รู้ขึ้นจนกระทั่งหมดความไม่รู้ได้

~ ทุกชาติไปที่ได้ฟังพระธรรม ค่อยๆ เข้าใจขึ้นค่อยๆ อบรมมั่นคงขึ้น จนกระทั่งค่อยๆ คลายความติดข้องในสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นเราหรือของของเรานานแสนนานไม่ใช่เฉพาะชาติเดียว กว่าจะหมดความไม่รู้และความเป็นเรา ก็เพราะธัมมเตชะ (เดชแห่งธรรม) คือ คำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว ทำให้สามารถที่จะทำให้ปัญญาค่อยๆ เกิด ค่อยๆ เจริญขึ้นได้

~ ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ก็คือ ฟังเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในความหมายของแต่ละคำซึ่งลึกซึ้ง ไม่ประมาทเลย เพราะเหตุว่า ความจริงสามารถที่จะเข้าใจได้ เพราะจริง แต่ต้องไม่ใช่เพราะเรา แต่ต้องเป็นปัญญาความเห็นที่ถูกต้องที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็สามารถที่จะรู้เอง ว่า ค่อยๆ เข้าใจขึ้นแค่ไหน

~ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ พรุ่งนี้ก็ได้ ความเข้าใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ก็ติดตามไปสำหรับชาติต่อๆ ไป ถ้าอีก ๑๐ ปีต่อจากนี้ไป ฟังแล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้นอีก จากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งที่เพิ่มขึ้นจากวันนี้อีก ๑๐ ปี ก็สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นและสืบต่อในชาติต่อๆ ไป

~ ไม่มีโอกาสหรือเวลาไหนที่จะประเสริฐเท่ากับขณะที่ได้ยินได้ฟังคำจริงซึ่งแสนจะยากที่จะได้ฟัง เพราะเหตุว่าการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นานมากกว่าจะได้ตรัสรู้ และถ้าพระธรรมอันตรธาน (หายไป สิ้นไป) ก็ต้องอีกนานมากกว่าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป

~ รู้ตามความเป็นจริง ว่า เข้าใจธรรม เมื่อฟัง แต่เดี๋ยวก็ลืม แค่ลุกขึ้นยืนออกไปข้างนอกก็ลืมแล้วธรรมอยู่ไหน แต่ว่าขณะที่กำลังฟัง ก็เข้าใจ ปัญญาที่เกิดจากการฟัง ไม่ได้หายไปไหนเลย แต่เนื่องจากว่าสะสมความไม่รู้มานานมาก เพราะฉะนั้น ก็มีปัจจัยที่จะทำให้ไม่คิดถึงคำที่ได้ฟัง ด้วยเหตุนี้ จึงฟังพระธรรมบ่อยๆ เพราะรู้ว่า ถ้าขาดการฟังเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็จะไม่คิดถึงธรรมเลย ห่างเหินไปอีกนาน

~ ความไม่รู้ มีมากมายมหาศาล เมื่อไม่รู้ก็มีความติดข้อง สำคัญผิดเข้าใจผิดว่าสิ่งที่มีเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง เพราะฉะนั้น จึงต้องฟังให้เข้าใจถูกต้อง จะได้ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อน

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทำให้ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้น

~ มีหรือที่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่จริง

~ ชาวพุทธ คือ ผู้ที่เข้าใจธรรม ทิ้งคำนี้ไม่ได้เลย ทั้งผู้ที่เป็นคฤหัสถ์และบรรพชิต หากไม่เข้าใจธรรม จะกล่าวว่าเป็นชาวพุทธไม่ได้

~ ขณะอย่าได้ล่วงเลยไปโดยไม่ฟังพระธรรม ขณะนี้ที่กำลังฟังธรรม รู้ค่าไหม รู้ประโยชน์ไหม ว่า ถ้าไม่มีขณะนี้ที่ฟัง สามารถจะเข้าใจธรรมได้ไหม เพราะฉะนั้น แต่ละคำก็เป็นความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ว่า ไม่มีอะไรที่จะมีประโยชน์ที่สุดในชีวิตทุกชาติในสังสารวัฏฏ์ เท่ากับได้ฟังคำที่จะทำให้มีความเห็นที่ถูกต้อง ทุกขณะที่ได้ยินได้ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ เป็นขณะที่มีประโยชน์ที่สุด ถ้าขณะนี้หลับ ขณะที่ประเสริฐนั้นก็ล่วงเลยไปแล้ว

~ ความหวังดีเป็นความหวังดี ไม่ย่อท้อ ไม่ท้อถอย เพราะปัญญานำไปในกิจทั้งปวงที่เป็นกุศลซึ่งจะเป็นประโยชน์ เราไม่เดือดร้อน แต่กล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่าที่เราเข้าใจและสามารถที่จะทำให้ผู้อื่นได้เข้าใจได้

~ ว่าง่าย คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสความจริงว่าอย่างไร บุคคลผู้นั้นก็เห็นประโยชน์และเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรประพฤติปฏิบัติตาม ตามกำลังของการสะสม

~ ธรรม (สิ่งที่มีจริง) ที่เป็นฝ่ายไม่ดี เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็ต้องไม่ดีเมื่อนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใครคนไหน ทำไมเขาไม่ดี เราเห็น แล้วเราไม่ดี เห็นบ้างไหม?

~ มั่นใจหรือยังว่า ปัญหาทั้งหมดมาจากอกุศลซึ่งมาจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้น หนทางแก้ มี ถ้ามีคนดี มีคนที่เข้าใจที่ถูกต้อง ไม่มีปัญหาเลย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีปัญหาไหม? พระอรหันต์ทั้งหลาย มีปัญหาไหม? เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีความเข้าใจถูกมีความเห็นถูก ไม่มีปัญหาเลย

~ ความเข้าใจที่ถูกต้อง กล้าที่จะพูดสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีโทษเลย สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง อาจจะได้ยินได้ฟังเริ่มต้น ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังเลย จะเริ่มต้นไหมที่จะรู้ความจริง?

~ ความจริงเป็นสิ่งที่รู้ยาก ถ้าไม่มีการทรงแสดงพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีใครสามารถรู้ได้ และการที่จะดำรงคำสอนของพระองค์ ไม่ใช่จำคำแล้วคิดเอง แต่ต้องตรงตามความเป็นจริงในเหตุในผลอย่างรอบคอบ

~ ไม่รู้เลยเดี๋ยวนี้สะสมอะไร ถ้าไม่เข้าใจธรรม ก็สะสมความไม่รู้ความติดข้องและกิเลสมากมาย การทุจริตทุกวงการ มาจากไหน? แล้วอะไรจะเป็นที่พึ่ง เห็นไหม?ไปพึ่งอย่างอื่น พึ่งได้ไหม? แล้วเมื่อกล่าวว่าพึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องพึ่ง ฟังให้เข้าใจถูกต้อง นั่นแหละจะทำให้ไม่ไปในทางทุจริต



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๓๐



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 24 ก.ย. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 24 ก.ย. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มังกรทอง
วันที่ 24 ก.ย. 2566

ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง
อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้
จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ
กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ย. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 25 ก.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Lai
วันที่ 25 ก.ย. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 25 ก.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ