ปฏิบัติ ปริยัติ ต้องตรงกัน
อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ ข้อ ๒๖๗ มีข้อความว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คนพาล ๒ จำพวก ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑ คนที่ไม่รับรองตามธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คนพาล ๒ จำพวกนี้แล
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บัณฑิต ๒ จำพวก ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑ คนที่รับรองตามธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลายบัณฑิต ๒ จำพวกนี้แล
มีประโยชน์ หรือไม่มีประโยชน์ สำหรับใคร ถ้าไม่ใช่กพุทธบริษัท ที่จะตรวจสอบว่า ท่านเข้าใจสภาพธรรมถูกต้องตามที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้ทั้งปริยัติและปฏิบัติหรือไม่ ถ้าปริยัติอย่างหนึ่ง ปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ก็ไม่ตรงกันเสียแล้ว และเมื่อท่านได้ฟังธรรมแล้ว ท่านเป็นผู้ที่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ หรือว่าไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ท่านเป็นผู้ที่รับรองตามธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ หรือว่าท่านเป็นผู้ที่ไม่รับรองตามธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเตือนให้ท่านผู้ฟังได้คิด ได้พิจารณาว่า การฟังธรรมและการปฏิบัติธรรมของท่านนั้น ตามเหตุและผลที่ถูกต้องหรือไม่
อย่างการเจริญสติเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เพื่อสติจะระลึกรู้ลักษณะของนามและรูปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เพราะมีสภาวะลักษณะปรากฏให้รู้ อย่างนี้จะผิดหรือจะถูก ถ้าเจริญสติรู้อย่างนี้จะชื่อว่า ปฏิบัติผิดได้ไหม แต่ถ้าท่านไม่เจริญสติระลึกรู้สภาพธรรม คือ นามและรูปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ที่มีลักษณะปรากฏให้รู้ อย่างนั้นจะชื่อว่าปฏิบัติธรรมผิดหรือถูก ถ้าไม่มีสภาวะลักษณะปรากฏให้รู้ แต่เข้าใจว่ารู้มาก ซึ่งความจริงไม่ได้รู้นามธรรมและรูปธรรมที่มีสภาวะลักษณะปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 225

